ยะลา - โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงข่าวกรณีคนร้ายปล้นธนาคารที่ปัตตานี ยันเชื่อมโยงกลุ่มก่อเหตุรุนแรง
วันนี้ (1 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.45 น. ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีกลุ่มคนร้ายปล้นธนาคารกสิกรไทย สาขาปาลัส อ.อำเภอมายอ จังหวัดปัตตานี
เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เสียชีวิต 1 คน ได้รับบาดเจ็บ 1 คน และราษฎรได้รับบาดเจ็บ 1 คน ส่วนคนร้ายถูกเจ้าหน้าที่ยิงตอบโต้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 คน ใกล้กันพบอาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มิลลิเมตร 1 กระบอก จักรยานยนต์ 1 คัน และรถยนต์ปิกอัพ 1 คัน พร้อมทั้งได้โปรยตะปูเรือใบตามเส้นทางเพื่อป้องกันการไล่ติดตามของเจ้าหน้าที่ เป็นเหตุให้รถของชาวบ้านที่สัญจรไปมาได้รับความเสียหายกว่า 10 คัน ดังที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้วนั้น
“กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บทั้ง 2 ฝ่าย กับทั้งขอชื่นชมในวีรกรรมอันกล้าหาญของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และจากการตรวจสอบพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ คนร้ายที่เสียชีวิต คือ นายมะตอเห มุสลิมิน อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 5 ต.กะดุนง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เป็นญาติกับนายรอฟีอี มุสลิมิน ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เคลื่อนไหวก่อเหตุในพื้นที่ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส
และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเดียวกัน ส่วนอาวุธปืนพกสั้นตรวจสอบแล้ว หมายเลข กข 54295703 ซึ่งผู้ครอบครองคือ นายมะยูโซ๊ะ ดอเลาะ อายุ 55 ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 6 ตำบลปะนาเระ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี ซึ่งถูกคนร้ายยิงเสียชีวิตหน้ามัสยิดบ้านปะนาเระ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 55” พ.อ.ปราโมทย์ กล่าว
โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ยังได้กล่าวอีกว่า สำหรับรถยนต์ปิกอัพ ยี่ห้อ มาสด้า 4 ประตู สีน้ำตาล ทะเบียน กข 7968 ปัตตานี ซึ่งเป็นทะเบียนปลอม ของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ซึ่งถูกยิงล้อยางแตกทั้ง 4 ล้อ จอดห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร ภายในรถยนต์พบปลอกกระสุนขนาด 9 มิลลิเมตร จำนวนหนึ่ง และพบกองเลือดจำนวนมาก จากการตรวจสอบพบว่า เป็นรถที่ถูกโจรกรรมมาจากองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำบ่อ อำเภอปะนาเระ จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 56 ทะเบียนเดิม กข 5193 ปัตตานี
“การกระทำดังกล่าวทำให้สังคมมองเห็นตัวตนที่แท้จริงของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมากขึ้น เพราะนอกจากจะสร้างสถานการณ์ความรุนแรง และละเมิดสิทธิมนุษยชนมาอย่างต่อเนื่องแล้ว ยังมีหลักฐานเชื่อมโยงกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด น้ำมันเถื่อน รวมทั้งการเป็นอาชญากรปล้นธนาคารในครั้งนี้อีกด้วย การใช้มาตรการทางกฎหมาย และการเข้าจัดการกับปัญหาภัยแทรกซ้อนอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกลุ่มทุนที่ให้การสนับสนุนผู้ก่อเหตุรุนแรง จึงจำเป็นต้องดำเนินการเพื่อความอยู่รอดของกลุ่มปฏิบัติการในพื้นที่
เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่มีงานทำ และไม่มีรายได้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จึงขอเรียกร้องให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) ภาคประชาสังคม กลุ่มเครือข่ายต่างๆ ผู้นำศาสนา และพี่น้องประชาชน ได้ร่วมกันประณาม และแสดงพลังบริสุทธิ์ต่อต้านการใช้ความรุนแรงของผู้ก่อเหตุรุนแรงในทุกรูปแบบ เพื่อนำพาสันติสุขที่ทุกคนใฝ่หากลับคืนสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป” พ.อ.ปราโมทย์กล่าว