โดย...พ.ท.ยุทธภูมิ เดื่อดิน รองผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติการข่าวสาร ปฏิบัติราชการแทนผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติการข่าวสาร กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า
ตามที่ได้เกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๖ เวลา ๑๐.๒๐ น. ได้มีกลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบวางระเบิดชุดปฏิบัติการตำรวจสถานีตำรวจอำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ขณะเดินทางกลับจากการร่วมกิจกรรมบัณฑิตน้อยโรงเรียนบ้านรือเสาะ และเดินทางกลับสถานีตำรวจ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อถึงบริเวณคอสะพานบ้านรือเสาะ หมู่ที่ ๔ ตำบลรือเสาะ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส ได้มีคนร้ายจุดระเบิดที่ฝังไว้ใต้พื้นถนนบริเวณคอสะพาน เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียสละชีวิตจำนวน ๓ นาย ได้แก่
๑.พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วงศ์พรมเมศร์
๒.ส.ต.อ.สุเวทย์ จันทรังษี
๓.ส.ต.อ.ปิยะ ภูพันธ์เลิศ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า จึงขอทำการชี้แจง โดยมีรายละเอียดเพื่อให้ประชาชน ส่วนราชการ ภาครัฐวิสาหกิจ องค์กรเอกชน และองค์กรภาคประชาสังคม (NGO) รวมทั้งองค์กรนักศึกษา ได้รับทราบดังนี้
ประการที่ ๑ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า และส่วนราชการทุกภาคส่วนขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งจากการเสียสละของนายตำรวจทั้ง ๓ นาย ที่มุ่งมั่นปฏิบัติงานด้วยความทุ่มเทเพื่อประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีความปลอดภัย ดำเนินชีวิตอย่างปกติสุข โดยเฉพาะการเข้าไปดูแลเด็ก และเยาวชนในโรงเรียนบ้านรือเสาะ เพื่อสนับสนุนการศึกษา จนนำมาซึ่งเหตุการณ์ที่น่าเสียใจในครั้งนี้ จึงขอให้ประชาชน และทุกภาคส่วนได้ร่วมแสดงความเสียใจกับครอบครัวนายตำรวจผู้เสียสละร่วมกัน
ประการที่ ๒ สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อันประกอบด้วย จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และ ๔ อำเภอของจังหวัดสงขลา อันได้แก่ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี อำเภอจะนะ และอำเภอสะบ้าย้อย ผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มีความคิดสุดโต่ง และบางกลุ่มที่หลงเชื่อ หลงผิด ยังคงมุ่งใช้ความรุนแรงมุ่งสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ และเจ้าหน้าที่ รวมทั้งสาธารณสมบัติของชาติ โดยไม่คำนึงถึงสันติสุขของประชาชน ในขณะที่สังคมส่วนใหญ่ และประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้ล้วนต้องการสันติภาพ และความสงบสุข ดั่งข่าวสารที่รัฐบาลไทยได้มีความพยายามพูดคุยกับกลุ่มองค์กรนำของขบวนการ แต่ยังมีกลุ่มที่นิยมความรุนแรง มีความสุดโต่งในความคิด ไม่ได้สนใจในสิ่งที่ประชาชนต้องการนั่นคือ ความสงบสุขของประชาชน จึงขอให้ประชาชนและทุกภาคส่วนได้ปฏิเสธบุคคลประเภทเหล่านี้
ประการที่ ๓ จากเหตุการณ์และความรุนแรงที่เกิดขึ้น และยังมีอยู่ ในขณะที่รัฐบาลและหน่วยงานด้านความมั่นคงได้พยายามเปิดพื้นที่พูดคุย การเปิดโอกาสให้ผู้หลงผิดได้แสดงตน รวมถึงการพยายามเอื้ออำนวยในข้อกฎหมาย เช่น การใช้พระราชบัญญัติความมั่นคงตามมาตรา ๒๑ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร, ตำรวจ, ฝ่ายปกครอง, ทหารพราน และอาสาสมัครทุกนาย ต่างมีความมุ่งมั่น ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถ
ขณะเดียวกัน ก็ขอให้ประชาชนมีความเข้าใจ เห็นใจ และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ อันนับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการป้องกัน และระงับเหตุร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ หากพบเห็นบุคคล ยานพาหนะ กลุ่มบุคคลแปลกหน้าที่มีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อชุมชนหรือสิ่งของวัตถุน่าสงสัย ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ เบอร์โทรศัพท์ ๑๓๔๑, ๑๘๘๑ หรือ ๐-๗๓๒๖-๒๖๘๐ และ ๐-๗๓๒๖-๒๖๘๑ โดยเร่งด่วน