ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงเหตุป่วนปัตตานีเมื่อ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุรุนแรงจำเป็นต้องกระทำการก่อเหตุเพื่อแสดงความมีตัวตนของขบวนการ พร้อมวิเคราะห์สถานการณ์ และขอความร่วมมือทุกภาคส่วนช่วยกันกวดขันดูแล
พ.ท.ธีรพันธ์ แพเรือง รองหัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า แจ้งว่า ตามที่เมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๕๖ ระหว่างเวลา ๑๙.๓๐-๒๑.๐๐ น. ได้เกิดเหตุการณ์มีผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ทำการก่อกวนด้วยการเผายางรถยนต์, เผาอาคารสิ่งอุปกรณ์สาธารณประโยชน์ และวางระเบิดในเขตพื้นที่อำเภอหนองจิก อำเภอเมืองปัตตานี อำเภอยะหริ่ง และอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี จำนวนหลายจุดนั้น ผู้ก่อเหตุรุนแรงจำเป็นต้องกระทำการก่อเหตุเพื่อแสดงความมีตัวตนของขบวนการ และเพื่อให้ประชาชน, ส่วนราชการ, ภาครัฐวิสาหกิจ, องค์กรภาคประชาสังคม (NGO) และองค์กรนักศึกษาได้ทราบข้อเท็จจริง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า จึงขอชี้แจงมีรายละเอียดที่สำคัญดังนี้
บริเวณที่เกิดเหตุรวม ๔ อำเภอ แยกออกเป็น ๑.พื้นที่อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เกิดเหตุเผายางรถยนต์ จำนวน ๔ จุด ๒.พื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เกิดเหตุเผายางรถยนต์ จำนวน ๕ จุด, ลอบวางเพลิงเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือ จำนวน ๑ จุด ได้รับความเสียหายเล็กน้อย, วางระเบิด จำนวน ๑ จุด มีอาสาสมัครได้รับบาดเจ็บ จำนวน ๗ คน ๓.พื้นที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี เกิดเหตุเผายางรถยนต์ จำนวน ๖ จุด ๔.พื้นที่อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี เกิดเหตุเผายางรถยนต์ จำนวน ๒ จุด, ยิงหม้อแปลงไฟฟ้าหน้า จำนวน ๑ จุด, ลอบวางเพลิงอาคาร จำนวน ๑ จุด และรถดับเพลิง จำนวน ๑ คัน, ลอบวางเพลิงบ้านร้าง จำนวน ๑ จุด และลอบวางเพลิงโรงเรียน จำนวน ๑ จุด
จากรายละเอียดการเผายางรถยนต์, เผาอาคาร, สิ่งอุปกรณ์สาธารณประโยชน์และวางระเบิดในเขตพื้นที่ ๔ อำเภอของจังหวัดปัตตานีดังกล่าวข้างต้น เป็นการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง เหตุผลสำคัญที่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ยังคงมุ่งก่อเหตุอันมีผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนความสงบสุขของประชาชนเป็นส่วนรวม กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค ๔ ส่วนหน้า ได้ทำการวิเคราะห์ถึงเหตุผลที่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงจำเป็นต้องมุ่งกระทำประกอบด้วย
ประการที่ ๑ เพื่อแสดงความมีตัวตนของขบวนการที่ประกอบด้วยส่วนต่างๆ ได้แก่ แกนนำ แนวร่วม ผู้ปฏิบัติ ให้ประชาชนได้ทราบ และเห็นว่าขบวนการของตนยังมีกำลังอยู่พร้อมที่จะทำการก่อเหตุโดยมิได้ลดจำนวน หรืออ่อนกำลังตามที่หลายฝ่ายเข้าใจ ประการที่ ๒ เป็นการแสดงภาพกลบเกลื่อนการสูญเสียสมาชิกของขบวนการจากการเสียชีวิต, บาดเจ็บ การปะทะกับเจ้าหน้าที่ รวมถึงบุคคลระดับหัวหน้าหน่วยหลายคนถูกจับกุม และหลายคนได้ตัดสินใจเดินทางออกมาแสดงตน ประสานงานและพูดคุยกับเจ้าหน้าที่แล้ว
ประการที่ ๓ เป็นการนำผู้รับการฝึกรุ่นใหม่ทดลองออกปฏิบัติงานก่อเหตุตามแนวทางที่กลุ่มผู้ก่อเหตุยังพยายามที่จะกระทำการชดเชยสมาชิกที่เริ่มสูญเสียจำนวนมาก (และบางรายถูกว่าจ้างมา) และประการที่ ๔ เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสถานการณ์ความปั่นป่วนให้เอื้อประโยชน์ต่อขบวนการที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะขบวนการค้าขายยาเสพติด การลำเลียงสิ่งผิดกฎหมายเช่น อาวุธ, น้ำมัน, สินค้าหนีภาษี และการแสดงความมีอิทธิพลของกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน เห็นว่า ความร่วมมือจากประชาชนมีความสำคัญยิ่งต่อการเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นส่วนรวม จึงขอความร่วมมือจากประชาชน, ส่วนราชการ, ภาครัฐวิสาหกิจ, องค์กรภาคประชาสังคม (NGO) และองค์กรนักศึกษา ดังนี้
ประการที่ ๑ หมั่นช่วยกันสังเกตบุคคลแปลกหน้า, รถยนต์, รถจักรยานยนต์ กล่อง หรือสิ่งของที่ถูกนำพา หรือถูกนำมาจอด หรือมาวางไว้ในพื้นที่ใกล้บ้านพัก สถานที่ทำงาน หรือชุมชนของท่านอย่างผิดปกติไม่พบตัวเจ้าของ หากพบขอให้รีบแจ้งเหตุให้ทางราชการ หรือเจ้าหน้าที่ทราบโดยด่วน ประการที่ ๒ หมั่นให้การดูแลสิ่งอุปกรณ์ใช้สำหรับบันทึกหลักฐานที่สำคัญ เช่น กล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ได้รับการติดตั้ง ณ จุดต่างๆ ภายในชุมชน
ประการที่ ๓ ประชาชนที่มีส่วนรับผิดชอบเครื่องมือสื่อสาร เช่น วิทยุสื่อสารเครื่องแดง หรือชมรมวิทยุสมัครเล่น ขอท่านได้ใช้ประโยชน์ในการแจ้งข่าวสาร และให้ความร่วมมือต่อทางราชการอย่างเต็มขีดความสามารถ และประการที่ ๔ ใช้โอกาสจากการเป็นผู้อยู่ในพื้นที่ซึ่งมีความคุ้นเคยกับบุคคล เส้นทาง และสถานที่เป็นอย่างดี ในการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ และทางราชการเมื่อมีโอกาสสามารถกระทำได้ ประการที่ ๕ เบอร์โทรศัพท์ในการแจ้งข่าวสารได้แก่ ๑๓๔๑, ๑๘๘๑ และโทร. ๐-๗๓๒๖-๒๖๘๐, ๐-๗๓๒๖-๒๖๘๑