ปัตตานี - รองเลขาธิการ ศอ.บต.ชี้แจงโต้ “ถาวร เสนเนียม” อย่าโยงการทำหน้าที่ขององค์กร ศอ.บต.เป็นงานการเมือง ไม่ได้เป็นแหล่งฟอกเงิน และไม่เกี่ยวกับการจัดตั้งนครรัฐปัตตานี
จากกรณีกระแสข่าวที่ นายถาวร เสนเนียม อดีต รมช.มหาดไทย เคยกำกับดูแล ศอ.บต.ช่วงเป็นเป็นรัฐบาล ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงการจัดตั้งสถาบันส่งเสริมการฟื้นฟูชุมชนท้องถิ่นและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือองค์การมหาชน ซึ่งส่งผลต่อการเอื้อประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจ และการกระจายอำนาจในระบบของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าใช้พื้นที่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นแหล่งฟอกเงิน รวมถึงกรณีการลงนาม MOU ระหว่างเลขาธิการ สมช. ผู้แทนรัฐบาลไทยกับ นายฮาซัน ตอยิบ แกนนำขบวนการกลุ่ม BRN โดยมีรัฐบาลของประเทศมาเลเซียเป็นตัวกลางนั้น เป็นการจัดฉากของ พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรีแทบทั้งสิ้น
ขณะที่ ว่าที่ ร.ต.เลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองเลขาธิการ ศอ.บต.กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานภาคประชาสังคม ว่า การจัดตั้งสถาบันส่งเสริมการฟื้นฟูชุมชนท้องถิ่นและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งการพูดคุยกับกลุ่มผู้มีความคิดต่างที่ประเทศมาเลเซียนั้น ในส่วนของ ศอ.บต.คือ หน่วยงานที่มุ่งเน้นด้านการพัฒนา ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับประเด็นด้านการเมืองแต่อย่างได ซึ่ง ศอ.บต.ได้ดำเนินงานตามมาตรา 9 ว่าด้วยการให้ประชาชน และภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมการพูดคุยกับคนทุกกลุ่มเป็นเพียงการนำสาระสำคัญมาให้ประชาชนได้รับฟัง แต่การตัดสินใจในทุกเรื่องต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่เหมาะสม
และไม่ได้ใช้องค์การที่จัดตั้งเป็นแหล่งฟอกเงินตามที่เป็นข่าว เราตระหนักถึงข้อกฎหมายอย่างยิ่ง การจัดตั้งองค์การมหาชน สามารถทำให้การทำงานระหว่างหน่วยงานรัฐกับภาคประชาชนได้มีการยืดหยุ่น รวมทั้งเข้าถึงและตอบโจทย์ของการดำเนินงานได้มากกว่าทั้งการกระจายอำนาจเข้าถึงประชาชนได้มากกว่า
ทางด้าน นายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา กล่าวด้วยว่า การจัดตั้งองค์การมหาชนนี้ จริงๆ แล้วมีการจัดตั้งมาตั้งแต่สมัยท่าน พ.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ แต่ยังไม่เป็นรูปธรรม ในวันนี้เป็นการริเริ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม หลังจากที่ตนเองได้มีการพูดคุยกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่อยากจะให้ประชาชนได้มีช่องทางและอำนาจ ในการส่งสัญญาณต่อหน่วยงานภาครัฐได้มากยิ่งขึ้น
โดยเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ที่ผ่านมา ทาง ศอ.บต.ได้ร่วมกับสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา จัดประชุมภาคประชาสังคม สถาบันการศึกษาและตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) จัดตั้งสถาบันส่งเสริมการฟื้นฟูชุมชนท้องถิ่นและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (องค์การมหาชน) เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วม การสร้างความเข้มแข็งของประชาชนในพื้นที่ ในการร่วมแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะต้องมีการรับฟังจากหลายๆ ส่วน รวมทั้งเสนอให้สภาที่ปรึกษา การบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พิจารณากลั่นกรอง และให้ความเห็นชอบต่อไป ซึ่งประเด็นดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งนครรัฐปัตตานี หรือการถูกแทรกแซงจากองค์กรภายนอกประเทศแต่อย่างใดทั้งสิ้น
“ส่วนกรณีการจัดซื้อโรงแรมยะลาชางลี ใจกลางเมืองยะลานั้น ใช้งบประมาณแผ่นดิน ที่เราไม่ได้มีการทำลายฐานธุรกิจของผู้ประกอบการในพื้นที่ แต่จะเป็นที่ตั้งประชาชนโดยตรง เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการติดต่อราชการ การประชุม การจัดตั้งศูนย์กิจการฮัจญ์ และสำนักงานหนังสือเดินทาง อีกทั้งยังเป็นสถานที่ตั้งของสถานีวิทยุและโทรทัศน์ภาษามาลายู”
ดังนั้น การมองว่ากรณีจัดซื้อตึกจะเป็นกรณีฟอกเงินนั้น อยากให้มองที่จุดประสงค์ของการจัดซื้อว่าจะสร้างผลประโยชน์ให้แก่ประชาชนในพื้นที่มากน้อยเพียงใด ที่สำคัญยังเป็นการช่วยส่งเสริมฐานภาคเศรษฐกิจของคนในพื้นที่อีกด้วย นายแพทย์พลเดชกล่าว
จากกรณีกระแสข่าวที่ นายถาวร เสนเนียม อดีต รมช.มหาดไทย เคยกำกับดูแล ศอ.บต.ช่วงเป็นเป็นรัฐบาล ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงการจัดตั้งสถาบันส่งเสริมการฟื้นฟูชุมชนท้องถิ่นและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือองค์การมหาชน ซึ่งส่งผลต่อการเอื้อประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจ และการกระจายอำนาจในระบบของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าใช้พื้นที่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นแหล่งฟอกเงิน รวมถึงกรณีการลงนาม MOU ระหว่างเลขาธิการ สมช. ผู้แทนรัฐบาลไทยกับ นายฮาซัน ตอยิบ แกนนำขบวนการกลุ่ม BRN โดยมีรัฐบาลของประเทศมาเลเซียเป็นตัวกลางนั้น เป็นการจัดฉากของ พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรีแทบทั้งสิ้น
ขณะที่ ว่าที่ ร.ต.เลิศเกียรติ วงศ์โพธิพันธ์ รองเลขาธิการ ศอ.บต.กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานภาคประชาสังคม ว่า การจัดตั้งสถาบันส่งเสริมการฟื้นฟูชุมชนท้องถิ่นและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งการพูดคุยกับกลุ่มผู้มีความคิดต่างที่ประเทศมาเลเซียนั้น ในส่วนของ ศอ.บต.คือ หน่วยงานที่มุ่งเน้นด้านการพัฒนา ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับประเด็นด้านการเมืองแต่อย่างได ซึ่ง ศอ.บต.ได้ดำเนินงานตามมาตรา 9 ว่าด้วยการให้ประชาชน และภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมการพูดคุยกับคนทุกกลุ่มเป็นเพียงการนำสาระสำคัญมาให้ประชาชนได้รับฟัง แต่การตัดสินใจในทุกเรื่องต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่เหมาะสม
และไม่ได้ใช้องค์การที่จัดตั้งเป็นแหล่งฟอกเงินตามที่เป็นข่าว เราตระหนักถึงข้อกฎหมายอย่างยิ่ง การจัดตั้งองค์การมหาชน สามารถทำให้การทำงานระหว่างหน่วยงานรัฐกับภาคประชาชนได้มีการยืดหยุ่น รวมทั้งเข้าถึงและตอบโจทย์ของการดำเนินงานได้มากกว่าทั้งการกระจายอำนาจเข้าถึงประชาชนได้มากกว่า
ทางด้าน นายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา กล่าวด้วยว่า การจัดตั้งองค์การมหาชนนี้ จริงๆ แล้วมีการจัดตั้งมาตั้งแต่สมัยท่าน พ.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ แต่ยังไม่เป็นรูปธรรม ในวันนี้เป็นการริเริ่มขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม หลังจากที่ตนเองได้มีการพูดคุยกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่อยากจะให้ประชาชนได้มีช่องทางและอำนาจ ในการส่งสัญญาณต่อหน่วยงานภาครัฐได้มากยิ่งขึ้น
โดยเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ที่ผ่านมา ทาง ศอ.บต.ได้ร่วมกับสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนา จัดประชุมภาคประชาสังคม สถาบันการศึกษาและตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อพิจารณาร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) จัดตั้งสถาบันส่งเสริมการฟื้นฟูชุมชนท้องถิ่นและพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (องค์การมหาชน) เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วม การสร้างความเข้มแข็งของประชาชนในพื้นที่ ในการร่วมแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะต้องมีการรับฟังจากหลายๆ ส่วน รวมทั้งเสนอให้สภาที่ปรึกษา การบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พิจารณากลั่นกรอง และให้ความเห็นชอบต่อไป ซึ่งประเด็นดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งนครรัฐปัตตานี หรือการถูกแทรกแซงจากองค์กรภายนอกประเทศแต่อย่างใดทั้งสิ้น
“ส่วนกรณีการจัดซื้อโรงแรมยะลาชางลี ใจกลางเมืองยะลานั้น ใช้งบประมาณแผ่นดิน ที่เราไม่ได้มีการทำลายฐานธุรกิจของผู้ประกอบการในพื้นที่ แต่จะเป็นที่ตั้งประชาชนโดยตรง เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการติดต่อราชการ การประชุม การจัดตั้งศูนย์กิจการฮัจญ์ และสำนักงานหนังสือเดินทาง อีกทั้งยังเป็นสถานที่ตั้งของสถานีวิทยุและโทรทัศน์ภาษามาลายู”
ดังนั้น การมองว่ากรณีจัดซื้อตึกจะเป็นกรณีฟอกเงินนั้น อยากให้มองที่จุดประสงค์ของการจัดซื้อว่าจะสร้างผลประโยชน์ให้แก่ประชาชนในพื้นที่มากน้อยเพียงใด ที่สำคัญยังเป็นการช่วยส่งเสริมฐานภาคเศรษฐกิจของคนในพื้นที่อีกด้วย นายแพทย์พลเดชกล่าว