ยะลา - ชาวยะลาเห็นด้วยกรณีรัฐบาลลงนามพูดคุยแกนนำก่อความไม่สงบ หาแนวทางสร้างสันติสุขชายแดนใต้
จากกรณีที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นำคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงไทย ประกอบด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย อเนกเวียง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ผู้ว่าราชการ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินทางไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อลงนามร่วมการพูดคุยเพื่อสันติภาพชายแดนภาคใต้ กับนายฮาซัน ตอยิบ ประธานขบวนการบีอาร์เอ็นโคออดิเนต ฝ่ายอูลามา (ฝ่ายศาสนา) ในฐานะรองเลขาขบวนการบีอาร์เอ็น โค ออดิเนต ภายใต้การอำนวยความสะดวกของฝ่ายความมั่นคงประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (1 มี.ค.) นายอับดุล อซิซ ตาเดอิน ที่ปรึกษาสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในเบื้องต้นเป็นแนวทางที่ดีมาก ภาคประชาชนเองก็เห็นด้วยอย่างมากในการที่จะเริ่มต้นที่จะเจรจา แต่สิ่งที่ตนเองมองรัฐบาลควรคุยกับฝ่ายทหาร หรือ กอ.รมน. ให้ชัดเจนว่าเห็นด้วยหรือไม่ ในส่วนของภาคประชาชนมีการเรียกร้องมาโดยตลอดให้เกิดการแก้ปัญหาโดยสันติวิธี โดยการเจรจาพูดคุย เนื่องจากทั่วโลกใช้วิธีเจรจาในการแก้ปัญหา
ในเบื้องต้น รัฐบาลใช้การพูดคุยในครั้งนี้อยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญไทย เพราะฉะนั้น ที่เป็นไปได้ทางเดียว คือ น่าจะมีการกระจายอำนาจ เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด มอบให้คนพื้นที่ดูแลการปกครอง การบริหารงบประมาณ การดูแลทรัพยากร และสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งนี้ เรื่องที่ประชาชนเรียกร้องมาโดยตลอดคือ การกระจายอำนาจ มีการปกครองตนเองอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญประเทศไทย พยายามที่จะให้ทหารกลับกรมกองให้ได้ หมายถึงถอนทหารออกไป สิ่่งนี้จะมีความสงบเกิดขึ้นได้ เพราะว่ามีทหารอยู่ 9 ปี ก็ยังมีปัญหาอยู่
ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์อับดุลรอซะ วรรณอาลี นักวิชาการ กล่าวว่า ทางขบวนการเองก็น่าจะมีความรุนแรงลดลง น่าจะยุติด้วย เพราะทางขบวนการเองต้องมีท่าทียอมรับเงื่อนไขนี้ด้วย ตัวชี้วัดอย่างหนึ่งรัฐบาลลงไปเจรจาแล้ว แต่ความรุนแรงยังมีอยู่ทางขบวนการยังไม่ยอมรับ จึงขอเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงด้วย เพื่อไปสู่โต๊ะเจรจาได้ง่ายขึ้น สามารถที่จะดำเนินสิ่งเหล่านี้ไปได้ ส่วนตัวแทนกลุ่มที่จะเข้าไปเจรจาในโอกาสต่อไป น่าจะมีภาคประชาสังคม ฝ่ายความมั่นคง ทหาร รัฐบาล ภาคประชาชนเองก็ดำเนินการเรื่องสันติภาพมานาน ในการที่จะเรียกร้องสู่โต๊ะเจรจา อย่างไรก็ตาม กลุ่มบุคคลที่ออกมาเจรจายืนยันว่า เป็นผู้แทนของขบวนการบีอาร์เอ็นจริง
“ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับพี่น้องชายแดนใต้ จากการเดินสายพบปะสภากาแฟในช่วงที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนทั้งไทยพุทธ มุสลิม กระแสตอบรับแนวนโยบายของรัฐบาลดีมาก เพราะทุกคนตั้งความหวังกับการเจรจาเรื่องนี้ และเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อไปสู่ความสงบ ส่วนที่จะทำให้สงบทันทีตนกล้าฟันธงว่ายัง เพราะเหตุไม่สงบมาจากขบวนการส่วนหนึ่ง ที่เป็นคดีอาชญากรรมก็พอสมควร ช่วงการเจรจาทั้ง 2 ฝ่าย ก็มีการกดดันเป็นกลยุทธ์ของการเจรจา ขบวนการบีอาร์เอ็นเองก็มีทัศนะของหลายกลุ่มย่อยในกลุ่มใหญ่ ต้องไปตกลงว่าจะเอาอย่างไร รัฐบาลไทยเองก็ต้องคุยกันให้ชัดเจนกับฝ่ายความมั่งคง กับฝ่ายการเมือง ที่สำคัญ ความต่อเนื่องของดำเนินนโยบายของรัฐบาล แต่รัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว” นักวิชาการรายนี้กล่าว
จากกรณีที่ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นำคณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงไทย ประกอบด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย อเนกเวียง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ผู้ว่าราชการ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เดินทางไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อลงนามร่วมการพูดคุยเพื่อสันติภาพชายแดนภาคใต้ กับนายฮาซัน ตอยิบ ประธานขบวนการบีอาร์เอ็นโคออดิเนต ฝ่ายอูลามา (ฝ่ายศาสนา) ในฐานะรองเลขาขบวนการบีอาร์เอ็น โค ออดิเนต ภายใต้การอำนวยความสะดวกของฝ่ายความมั่นคงประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (1 มี.ค.) นายอับดุล อซิซ ตาเดอิน ที่ปรึกษาสมาคมยุวมุสลิมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในเบื้องต้นเป็นแนวทางที่ดีมาก ภาคประชาชนเองก็เห็นด้วยอย่างมากในการที่จะเริ่มต้นที่จะเจรจา แต่สิ่งที่ตนเองมองรัฐบาลควรคุยกับฝ่ายทหาร หรือ กอ.รมน. ให้ชัดเจนว่าเห็นด้วยหรือไม่ ในส่วนของภาคประชาชนมีการเรียกร้องมาโดยตลอดให้เกิดการแก้ปัญหาโดยสันติวิธี โดยการเจรจาพูดคุย เนื่องจากทั่วโลกใช้วิธีเจรจาในการแก้ปัญหา
ในเบื้องต้น รัฐบาลใช้การพูดคุยในครั้งนี้อยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญไทย เพราะฉะนั้น ที่เป็นไปได้ทางเดียว คือ น่าจะมีการกระจายอำนาจ เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด มอบให้คนพื้นที่ดูแลการปกครอง การบริหารงบประมาณ การดูแลทรัพยากร และสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งนี้ เรื่องที่ประชาชนเรียกร้องมาโดยตลอดคือ การกระจายอำนาจ มีการปกครองตนเองอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญประเทศไทย พยายามที่จะให้ทหารกลับกรมกองให้ได้ หมายถึงถอนทหารออกไป สิ่่งนี้จะมีความสงบเกิดขึ้นได้ เพราะว่ามีทหารอยู่ 9 ปี ก็ยังมีปัญหาอยู่
ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์อับดุลรอซะ วรรณอาลี นักวิชาการ กล่าวว่า ทางขบวนการเองก็น่าจะมีความรุนแรงลดลง น่าจะยุติด้วย เพราะทางขบวนการเองต้องมีท่าทียอมรับเงื่อนไขนี้ด้วย ตัวชี้วัดอย่างหนึ่งรัฐบาลลงไปเจรจาแล้ว แต่ความรุนแรงยังมีอยู่ทางขบวนการยังไม่ยอมรับ จึงขอเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงด้วย เพื่อไปสู่โต๊ะเจรจาได้ง่ายขึ้น สามารถที่จะดำเนินสิ่งเหล่านี้ไปได้ ส่วนตัวแทนกลุ่มที่จะเข้าไปเจรจาในโอกาสต่อไป น่าจะมีภาคประชาสังคม ฝ่ายความมั่นคง ทหาร รัฐบาล ภาคประชาชนเองก็ดำเนินการเรื่องสันติภาพมานาน ในการที่จะเรียกร้องสู่โต๊ะเจรจา อย่างไรก็ตาม กลุ่มบุคคลที่ออกมาเจรจายืนยันว่า เป็นผู้แทนของขบวนการบีอาร์เอ็นจริง
“ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับพี่น้องชายแดนใต้ จากการเดินสายพบปะสภากาแฟในช่วงที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนทั้งไทยพุทธ มุสลิม กระแสตอบรับแนวนโยบายของรัฐบาลดีมาก เพราะทุกคนตั้งความหวังกับการเจรจาเรื่องนี้ และเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อไปสู่ความสงบ ส่วนที่จะทำให้สงบทันทีตนกล้าฟันธงว่ายัง เพราะเหตุไม่สงบมาจากขบวนการส่วนหนึ่ง ที่เป็นคดีอาชญากรรมก็พอสมควร ช่วงการเจรจาทั้ง 2 ฝ่าย ก็มีการกดดันเป็นกลยุทธ์ของการเจรจา ขบวนการบีอาร์เอ็นเองก็มีทัศนะของหลายกลุ่มย่อยในกลุ่มใหญ่ ต้องไปตกลงว่าจะเอาอย่างไร รัฐบาลไทยเองก็ต้องคุยกันให้ชัดเจนกับฝ่ายความมั่งคง กับฝ่ายการเมือง ที่สำคัญ ความต่อเนื่องของดำเนินนโยบายของรัฐบาล แต่รัฐบาลเดินมาถูกทางแล้ว” นักวิชาการรายนี้กล่าว
