xs
xsm
sm
md
lg

จับตา! รัฐบาลปูเปิดโต๊ะเจรจากับ “บีอาร์เอ็น” ที่มาเลเซีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการ - รัฐบาลไฟเขียวส่งเลขาฯ สมช.พร้อมคณะเปิดโต๊ะเจรจาขบวนการแบ่งแยกดินแดน BRN เช้านี้ที่กัวลาลัมเปอร์ ก่อนคณะนายกฯ จะบินตามไปหารือกับผู้นำมาเลเซียช่วงสาย จับตาได้ข้อตกลงหรือมีการลงนามความตกลงทางการเมืองอะไรกับบีอาร์เอ็นหรือไม่ แหล่งข่าวความมั่นคงชี้สุ่มเสี่ยงเอาหัวหน้ารัฐบาลไปเป็นสักขีพยาน

จากกรณีที่ในวันนี้ (28 ก.พ.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย พร้อมคณะมีกำหนดการเดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย เพื่อเข้าร่วมประชุมหารือประจำปี ครั้งที่ 5 กับนายกรัฐมนตรีมาเลซีย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยเช้าวันนี้นายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางโดยเครื่องบินพิเศษของกองทัพอากาศ เที่ยวบินพิเศษที่ RTAF225 ออกจากท่าอากาศยาน บน.6 เวลา 10.45 น.ถึงท่าอากาศยาน KLIA กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

ก่อนหน้านี้ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้เปิดเผยว่า ในการเดินทางไปมาเลเซียวันที่ 28 ก.พ.นี้ ของนายกรัฐมนตรีจะมีประเด็นสำคัญในส่วนของความมั่นคง 2 ประเด็น คือ มิติประเด็นคนสองสัญชาติและการผ่านแดนที่จะต้องข้ามมาประเทศไทย รวมถึงกระบวนการความร่วมมือใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ช่วงข่าวค่ำวานนี้ (27) สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสรายงานว่า พล.ท.ภราดร เลขาฯ สมช. เตรียมพูดคุยกับแกนนำขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี (บีอาร์เอ็น) โดยผ่านการประสานงานของรัฐบาลมาเลเซีย ผ่านทางตำรวจสันติบาลมาเลเซีย เพื่อแลกเปลี่ยนและพูดคุยถึงแนวทางสันติภาพเพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

“พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ นัดหารือแกนนำคนสำคัญของขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็นในวันพรุ่งนี้ เพื่อพูดถึงแนวทางของรัฐบาลไทยที่ต้องการใช้สันติวิธี และการพูดคุยยุติปัญหาขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และหากตัวแทนบีอาร์เอ็นเห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าวก็จะมีการลงนามในความเข้าใจร่วมกัน เพื่อให้มีการเดินหน้าพูดคุยสันติภาพ ตามนโยบายของสภาความมั่นคงแห่งชาติ” ไทยพีบีเอสระบุ และว่า คณะทำงานของ พล.ท.ภราดร ยังมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และพล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก รองปลัดกระทรวงกลาโหม

ด้านนายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ บรรณาธิการข่าวการเมืองและความมั่นคง สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ซึ่งติดตามรายงานข่าวดังกล่าวที่มาเลเซียได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว Sermsuk Kasitipradit ระบุว่า “หลังเดินทางถึงตอนค่ำ ทีมพูดคุยสันติภาพไทย นำโดยเลขาฯ สมช. พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ปิดประตูหารือกว่าสองชั่วโมง กำหนดกรอบการทำงานวันรุ่งขึ้น รวมถึงข้อมูลของมาเลย์ที่ประสานให้แกนนำ BRN มาหารือกับไทยเช้าวันพฤหัสตามที่ไทยร้องขอให้ทำหน้าที่ ประสานงาน จนท.ความมั่นคงอีกท่านที่มาร่วมนอกจาก พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก รองปลัดกลาโหมฯ และเลขาฯ ศอ.บต.แล้ว คือ พล.ท.สุวัช บุตรวงศ์ จากกองทัพบก (คนขวาสุดในภาพที่สอง) ทำงานข่าวลับมาตลอด เป็นชุดทำงานสันติภาคชายแดนใต้ของ ศปก.กปต.”

นายเสริมสุขระบุด้วยว่า ในการประชุมไทย-มาเลเซียวันนี้จะไม่มีการลงนามด้านความมั่นคงใดๆ ระหว่างนายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่าย ส่วนเรื่องการพูดคุยสันติภาพจะมีการลงนามร่วมกันระหว่างไทยและบีอาร์เอ็น ตกลงที่จะพูดคุยสันติภาพ เพื่อให้ peace dialogue เดินหน้าได้ จะเดินได้ไกลแค่ไหน

นอกจากนี้ บก.ข่าวการเมืองและความมั่นคงของไทยพีบีเอสยังแสดงความเห็นผ่านทางเฟซบุ๊กด้วยว่า “ไม่นึกเหมือนกันว่ามันจะพัฒนาไปเร็วขนาดนี้ อยากรู้ว่าคนที่ทาง BRN ส่งมาคุยเป็นใครตามต่อพรุ่งนี้ (28 ก.พ.) เช้าเก้าโมง วันนี้คนที่อาบน้ำประแป้งแล้วเชิญนอนได้เลยครับ ส่วนยังไม่อาบก็ไปอาบซะจะได้สบายใจ ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ตอน 08.45 น.เปิดดูข่าวเก้าโมง พรุ่งนี้อร่อยเหาะแน่นอน งานนี้เท่ากับบอกว่าที่มาเลย์บอกว่าไม่รู้ใครเป็นใครหลบซ่อนตัวที่ไหน เล่นลิเกมาตลอด เอาระดับนี้ออกมาพูดคุยได้ ถือเป็นครั้งแรกในรอบเก้าปี หลังปล้นปืน...มีตัวแทนระดับสูงของ BRN มาร่วมหารือในการพูดคุยสันติภาพครั้งใหม่ เดินหน้าต่อได้ไหม ต้องตาม แต่ถือเป็นพัฒนาการที่เร็วแบบไม่คาดคิด มาเลย์อยู่เบื้องหลังกดดันเอาระดับนำของ BRN มาได้..เชิญนอน ตามต่อพรุ่งนี้เก้าโมงครับ”

การเปิดโต๊ะเจรจากับขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็นดังกล่าวของ สมช. ภายใต้การรับรู้ของรัฐบาลไทยที่นำโดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก่อนหน้านี้ถูกตั้งข้อสังเกตจากแหล่งข่าวด้านความมั่นคงว่า ในการเดินทางไปมาเลเซียของคณะนายกรัฐมนตรีปลายเดือนนี้ อาจจะมีการลงนามในเอกสารที่เรียกว่า “ความตกลงทางการเมือง (Political Agreement)” โดย พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช. จะเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย ส่วนตัวแทนกลุ่มขบวนการจะเป็นการลงนามโดยเลขานุการส่วนตัวของนายฮาซัน ตอยิบ รองเลขาธิการขบวนการบีอาร์เอ็น โคออร์ดิเนต นอกจากนี้ยังมีข่าวด้วยว่า รัฐบาลยังได้ส่งร่างเอกสารความตกลงให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจทานอีกด้วย

“ไหนรัฐบาล รองนายกรัฐมนตรี (ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง) รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง พร่ำบอกประชาชนว่า เหตุร้ายและความรุนแรงที่เกิดขึ้น เป็นฝีมือของขบวนการค้ายาเสพติดและกลุ่มค้าน้ำมันเถื่อน ที่มีนักการเมืองหนุนหลัง แล้วนี่มันอะไรถึงได้ก้าวกระโดดไปลงนามในเอกสารความตกลงทางการเมืองกับขบวนการฯ

“ที่ผ่านมาในอดีต เรื่องการเจรจาระหว่างกลุ่มที่ไม่หวังดี หรือกลุ่มที่มีความคิดเห็นทางการเมืองที่ขัดแย้งกับรัฐบาล ฝ่ายทหารและรัฐบาลจะใช้การเจรจาอย่างลับๆ โดยหัวหน้าทีมเจรจาจะมียศไม่เกินพันเอก ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์จีนให้เลิกการสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย หัวหน้าทีมเจรจาคือ พันเอกชวลิต ยงใจยุทธ ส่วนการเจรจากับกลุ่มโจรจีนคอมมิวนิสต์ หัวหน้าทีมเจรจา คือ พันเอก อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ ไม่เคยมีครั้งใดที่ หัวหน้ารัฐบาลต้องเป็นสักขีพยานในการลงนามและการเจรจาเช่นครั้งนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้น” แหล่งข่าวด้านความมั่นคงให้ความเห็น และกล่าวต่อว่า

“อดีตนายกรัฐมนตรีไทยที่อยู่ในต่างประเทศ ในสมัยที่ยังเรืองอำนาจระบุว่า กลุ่มขบวนการเป็นพวกโจรกระจอก โจรห้าร้อย มีนาคมปีที่แล้ว คุณทักษิณยอมลงทุนไปเจรจากับกลุ่มขบวนการที่กัวลาลัมเปอร์ และให้พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง เลขาฯ ศอ.บต.ไปเจรจาในรายละเอียด ผลเป็นอย่างไร เหตุระเบิดเกิดขึ้นทันที เพราะอะไร กลุ่มขบวนการที่ปฏิบัติการก่อเหตุร้ายในประเทศไม่ยอมรับคำสั่งจากอดีตแกนนำที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศ หากความคืบหน้าของการเจรจามีจริง เหตุการณ์บุกฐาน นย.ที่อำเภอบาเจาะเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา และทำให้กลุ่มโจรตายมากถึง 16 คน ตลอดจนการวางระเบิดและการก่อเหตุรุนแรงเพื่อการแก้แค้นคงไม่เกิดขึ้น”

นอกจากนี้ แหล่งข่าวด้านความมั่นคงยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า การเปิดโต๊ะเจรจาและการลงนามทางความตกลงทางการเมืองดังกล่าว จะมีฐานะทางการเมืองและกฎหมายอย่างไร ผูกพันและผูกมัดรัฐบาลชุดต่อไปหรือไม่ ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า การดำเนินการดังกล่าวมีผู้นำกองทัพบางส่วนแสดงท่าทีไม่เห็นด้วย เพียงแต่ยังปิดปากเงียบอยู่ ทั้งนี้น่าจะเป็นการดีหากรัฐบาลและคณะทำงานควรเปิดเผยสาระสำคัญของร่างความตกลงทางการเมืองที่จะลงนามกับกลุ่มขบวนการฯ ให้ประชาชนรับรู้และแสดงความคิดเห็นก่อนการลงนาม

“การกระทำของรัฐบาลลับๆ ล่อๆ อย่างนี้ จะให้ประชาชนไว้วางใจเรื่องความมั่นคงให้รัฐมนตรีชุดนี้ทำงานต่อไปได้หรือไม่ รัฐบาลต้องไม่ลืมนะ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 1 ระบุว่า ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้” แหล่งข่าวด้านความมั่นคงให้ความเห็น
ภาพคณะของเลขาฯ สมช.ที่ รร.JW Marriott กัวลาลัมเปอร์ วานนี้ (27) จากเฟซบุ๊ก Sermsuk Kasitipradit
ภาพจากเฟซบุ๊ก Sermsuk Kasitipradit
กำลังโหลดความคิดเห็น