ปัตตานี - คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุกราดยิงร้านน้ำชา 6 ศพ สรุปผลว่าเป็นฝีมือของผู้ก่อเหตุไม่สงบ เผยปืนที่ใช้ก่อเหตุเคยใช้ในคดีอื่นมาแล้วหลายครั้ง ทั้งการกระทำต่อพี่น้องไทยพุทธ และไทยมุสลิม
หลังจาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ความรุนแรงภายหลังเปิดพื้นที่เจรจาพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มที่มีความคิดเห็นต่างจากรัฐ ซึ่งจำเป็นต้องติดตาม และตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างที่อยู่ในช่วงเจรจาพูดคุยสันติภาพ โดยเฉพาะกับเหตุการณ์กราดยิงร้านน้ำชา เลขที่ 17/12 ในพื้นที่หมู่ 5 ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นเหตุให้มีชาวบ้านเสียชีวิต 6 ศพ บาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยได้ตั้ง นายวิสุทธิ์ สิงขจรวรกุล สมาชิกสภาที่ปรึกษาบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขึ้นเป็นเป็นประธาน และมีนายประมุข ลมุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นรองประธานคณะตรวจสอบหาข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัด
ขณะที่ผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ความรุนแรงเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงร้านน้ำชา ก่อนจะลงมาจ่อยิงซ้ำ ทำให้มีชาวบ้านเสียชีวิต 6 ศพ ซึ่งในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดมีเด็กอายุเพียง 2 ขวบ รวมอยู่ด้วยนั้น ได้ข้อสรุปในที่ประชุมออกมาว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ เพื่อตอบโต้การกดดันจับกุมของฝ่ายเจ้าหน้าที่
นายประมุข ลมุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ความรุนแรง เปิดเผยว่า ที่ประชุมของคณะกรรมการได้มีการสรุปผลการตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเกิดจากเหตุความไม่สงบที่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้กระทำต่อประชาชน ซึ่งก่อนหน้านี้ หน่วยความมั่นคงได้มีการทำงานเชิงรุกในหลายพื้นที่ รวมทั้งในพื้นที่ ต.รูสะมิแล อ.เมืองปัตตานี พื้นที่เกิดเหตุ จึงเป็นไปได้ว่าจากการทำงานในเชิงรุกทั้งหลายนั้นทำให้กลุ่มก่อเหตุรุนแรงไม่พอใจ จนต้องตอบโต้การกระทำของฝ่ายเจ้าหน้าที่ เช่นเดียวกับการมากระทำต่อประชาชน
ส่วนอาวุธปืนสงคราม 1 ใน 4 กระบอก ที่คนร้ายนำมาใช้ก่อเหตุยิงตรวจสอบแล้วพบว่าเคยนำไปใช้ก่อเหตุมาก่อนแล้ว ทั้งการกระทำต่อพี่น้องชาวไทยพุทธ และพี่น้องชาวไทยมุสลิม โดยเฉพาะในกรณีหนึ่งก็คือ ได้เคยนำไปกระทำต่อผู้นำศาสนาอิสลามรายหนึ่งด้วย
หลังจาก พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ความรุนแรงภายหลังเปิดพื้นที่เจรจาพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มที่มีความคิดเห็นต่างจากรัฐ ซึ่งจำเป็นต้องติดตาม และตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างที่อยู่ในช่วงเจรจาพูดคุยสันติภาพ โดยเฉพาะกับเหตุการณ์กราดยิงร้านน้ำชา เลขที่ 17/12 ในพื้นที่หมู่ 5 ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นเหตุให้มีชาวบ้านเสียชีวิต 6 ศพ บาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยได้ตั้ง นายวิสุทธิ์ สิงขจรวรกุล สมาชิกสภาที่ปรึกษาบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขึ้นเป็นเป็นประธาน และมีนายประมุข ลมุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เป็นรองประธานคณะตรวจสอบหาข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดความกระจ่างชัด
ขณะที่ผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ความรุนแรงเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงร้านน้ำชา ก่อนจะลงมาจ่อยิงซ้ำ ทำให้มีชาวบ้านเสียชีวิต 6 ศพ ซึ่งในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดมีเด็กอายุเพียง 2 ขวบ รวมอยู่ด้วยนั้น ได้ข้อสรุปในที่ประชุมออกมาว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ เพื่อตอบโต้การกดดันจับกุมของฝ่ายเจ้าหน้าที่
นายประมุข ลมุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ความรุนแรง เปิดเผยว่า ที่ประชุมของคณะกรรมการได้มีการสรุปผลการตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเกิดจากเหตุความไม่สงบที่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้กระทำต่อประชาชน ซึ่งก่อนหน้านี้ หน่วยความมั่นคงได้มีการทำงานเชิงรุกในหลายพื้นที่ รวมทั้งในพื้นที่ ต.รูสะมิแล อ.เมืองปัตตานี พื้นที่เกิดเหตุ จึงเป็นไปได้ว่าจากการทำงานในเชิงรุกทั้งหลายนั้นทำให้กลุ่มก่อเหตุรุนแรงไม่พอใจ จนต้องตอบโต้การกระทำของฝ่ายเจ้าหน้าที่ เช่นเดียวกับการมากระทำต่อประชาชน
ส่วนอาวุธปืนสงคราม 1 ใน 4 กระบอก ที่คนร้ายนำมาใช้ก่อเหตุยิงตรวจสอบแล้วพบว่าเคยนำไปใช้ก่อเหตุมาก่อนแล้ว ทั้งการกระทำต่อพี่น้องชาวไทยพุทธ และพี่น้องชาวไทยมุสลิม โดยเฉพาะในกรณีหนึ่งก็คือ ได้เคยนำไปกระทำต่อผู้นำศาสนาอิสลามรายหนึ่งด้วย