พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์/โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากกรณีเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 3 เหตุการณ์ คือ
กรณีที่ 1เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2556 เวลา 08.50 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนสงครามยิงราษฎรเสียชีวิต จำนวน 3 ราย และบาดเจ็บจำนวน 1 ราย เหตุเกิดที่ร้านน้ำชาภายในหมู่บ้าน บ้านแอแกง หมู่ที่ 5 ตำบลเกะรอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
กรณีที่ 2 เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2556 เวลา 17.35 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงนายอับดุลเลาะ บินมามะ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ (ผรส.) หมู่ที่ 3 ตำบลไทรทอง อำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี เสียชีวิตพร้อมนางสาวรอกีเยาะ สะราวอ (ภรรยา) ขณะขับรถกลับจาก ส่งบุตรสาวที่ปอเนาะลาลอวิทยา อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี
และกรณีที่ 3 เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2556 เวลา 18.20 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนได้ลอบวางระเบิด ในพื้นที่เทศบาลสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส เบื้องต้นมีราษฎรบาดเจ็บ จำนวน 4 ราย เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 4 นาย พฤติกรรมคนร้ายได้ซุกซ่อนวัตถุระเบิดไว้ในถังขยะ ขณะที่เจ้าหน้าที่ขับรถผ่านคนร้ายได้จุดชนวนระเบิด
ซึ่งกรณีเหตุการณ์ดังกล่าว กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ จากการกระทำอันโหดเหี้ยม ไร้ศาสนา ไร้ซึ่งมนุษยธรรมของผู้ที่มีความสุดโต่งทางความคิด ที่มุ่งสร้างสถานการณ์ความรุนแรง ที่กระทำต่อผู้บริสุทธิ์ โดยไม่ละเว้นแม้กระทั่งผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นศาสนาเดียวกัน
จากพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่กระทำในครั้งนี้เป็นการกระทำที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรม โดยใช้พฤติกรรมการแต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ เพื่อมุ่งหวังสร้างสถานการณ์ให้ประชาชนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นพฤติกรรมและวิธีการเดิมๆ ที่ได้ปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องซ้ำแล้วซ้ำอีก ถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายและบทบัญญัติของศาสนาอิสลามอย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้ เพราะมนุษย์ทุกคนย่อมมีสิทธิเสรีภาพในการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยความเสมอภาค ความเท่าเทียมกัน อีกทั้งเป็นการละเมิดต่อหลัก นิติธรรม และหลักสิทธิมนุษยชน
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จึงขอวิงวอนให้องค์กรสิทธิมนุษยชนและ NGOs ที่เคลื่อนไหวอยู่ทั้งในและนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ออกมาช่วยกันปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชนผู้สูญเสียและผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้บ้าง และขอเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนอย่าหลงเชื่อการแอบอ้างและโยนความผิดให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงการลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตนเอง ด้วยการรวมพลังปฏิเสธการใช้ความรุนแรงในพื้นที่และสนับสนุนแนวทางการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี เพราะเป็นวิถีทางเดียวที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และเป็นธรรม บนพื้นฐานของหลักสิทธิมนุษยชน ต่อประชาชนทุกคนโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่พี่น้องประชาชน และจะเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อติดตามจับกุมผู้กระทำความผิด มาดำเนินคดีตามกระบวนการกฎหมายโดยเร็วที่สุดต่อไป
กรณีที่ 1เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2556 เวลา 08.50 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนสงครามยิงราษฎรเสียชีวิต จำนวน 3 ราย และบาดเจ็บจำนวน 1 ราย เหตุเกิดที่ร้านน้ำชาภายในหมู่บ้าน บ้านแอแกง หมู่ที่ 5 ตำบลเกะรอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา
กรณีที่ 2 เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2556 เวลา 17.35 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงนายอับดุลเลาะ บินมามะ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ (ผรส.) หมู่ที่ 3 ตำบลไทรทอง อำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี เสียชีวิตพร้อมนางสาวรอกีเยาะ สะราวอ (ภรรยา) ขณะขับรถกลับจาก ส่งบุตรสาวที่ปอเนาะลาลอวิทยา อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี
และกรณีที่ 3 เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2556 เวลา 18.20 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนได้ลอบวางระเบิด ในพื้นที่เทศบาลสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส เบื้องต้นมีราษฎรบาดเจ็บ จำนวน 4 ราย เจ้าหน้าที่บาดเจ็บ 4 นาย พฤติกรรมคนร้ายได้ซุกซ่อนวัตถุระเบิดไว้ในถังขยะ ขณะที่เจ้าหน้าที่ขับรถผ่านคนร้ายได้จุดชนวนระเบิด
ซึ่งกรณีเหตุการณ์ดังกล่าว กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ จากการกระทำอันโหดเหี้ยม ไร้ศาสนา ไร้ซึ่งมนุษยธรรมของผู้ที่มีความสุดโต่งทางความคิด ที่มุ่งสร้างสถานการณ์ความรุนแรง ที่กระทำต่อผู้บริสุทธิ์ โดยไม่ละเว้นแม้กระทั่งผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นศาสนาเดียวกัน
จากพฤติกรรมของผู้ก่อเหตุรุนแรง ที่กระทำในครั้งนี้เป็นการกระทำที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรม โดยใช้พฤติกรรมการแต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ เพื่อมุ่งหวังสร้างสถานการณ์ให้ประชาชนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นพฤติกรรมและวิธีการเดิมๆ ที่ได้ปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องซ้ำแล้วซ้ำอีก ถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมายและบทบัญญัติของศาสนาอิสลามอย่างสิ้นเชิง ทั้งนี้ เพราะมนุษย์ทุกคนย่อมมีสิทธิเสรีภาพในการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยความเสมอภาค ความเท่าเทียมกัน อีกทั้งเป็นการละเมิดต่อหลัก นิติธรรม และหลักสิทธิมนุษยชน
กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จึงขอวิงวอนให้องค์กรสิทธิมนุษยชนและ NGOs ที่เคลื่อนไหวอยู่ทั้งในและนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ออกมาช่วยกันปกป้องสิทธิเสรีภาพของประชาชนผู้สูญเสียและผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้บ้าง และขอเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนอย่าหลงเชื่อการแอบอ้างและโยนความผิดให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงการลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตนเอง ด้วยการรวมพลังปฏิเสธการใช้ความรุนแรงในพื้นที่และสนับสนุนแนวทางการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี เพราะเป็นวิถีทางเดียวที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และเป็นธรรม บนพื้นฐานของหลักสิทธิมนุษยชน ต่อประชาชนทุกคนโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่พี่น้องประชาชน และจะเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อติดตามจับกุมผู้กระทำความผิด มาดำเนินคดีตามกระบวนการกฎหมายโดยเร็วที่สุดต่อไป
