ยะลา - โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงข่าวตอบโต้ป้ายผ้าใส่ร้าย จนท.รัฐ ยัน จนท.ไม่ใช้วิธีการรุนแรงในการแก้ปัญหา เป็นการดูแล รปภ. ประชาชนตามสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเพื่อปกป้องทุกชีวิต
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ (9 ก.ค.) ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยถึงกรณีเกิดเหตุคนร้ายเดินสายแขวนป้ายผ้าเขียนข้อความภาษารูมี (มลายูกลาง) ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า มีเนื้อหาสำคัญคือ ขับไล่เจ้าหน้าที่ทหาร รัฐใช้ความรุนแรง หลอกหลวงใส่ร้าย และเชื่อใจไม่ได้
ดังนั้น ทาง กอ.รมน.ภาค 4 สน. ขอชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจว่า ความจำเป็นในการใช้กำลัง เพื่อดูแลด้านความมั่นคงในทุกรูปแบบ กำลังในพื้นที่ จชต. ใช้กำลังพลเรือน ตำรวจ ทหาร เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยภายใน ดูแลปกป้องประชาชนให้มีความปลอดภัย ทำพื้นที่ให้ปลอดภัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่พี่น้องประชาชน และหน่วยราชการต่างๆ ในการเข้าไปพัฒนาในพื้นที่ และยังคงใช้กำลังตามหน้าที่ตราบใดที่ยังมีเหตุความรุนแรงในพื้นที่ดำรงอยู่
“เจ้าหน้าที่รัฐไม่เคยใช้ความรุนแรงในพื้นที่ แต่เป็นการปฏิบัติอยู่ภายใต้หลักกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัดเสมอมา เพื่อรักษาความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สิน ด้วยการบังคับใช้กฎหมายต่อบุคคล กลุ่มบุคคลที่ใช้ความรุนแรงต่อพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ และเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย ผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่สร้างสถานการณ์แล้วโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่รัฐ ถือเป็นการกระทำที่กลับกลอก หลอกลวง และเชื่อถือไม่ได้ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่กระทำมาตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เช่นเดียวกับข้อความที่ปรากฏบนแผ่นป้ายผ้า” พ.อ.ปราโมทย์ กล่าว
โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ยังกล่าวอีกว่า ทาง กอ.รมน.ภาค 4 สน. พร้อมที่จะปฏิบัติงานเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของพี่น้องประชาชน ด้วยการบังคับใช้กฎหมายดูแลความปลอดภัย และจัดการกับปัญหาภัยแทรกซ้อนทุกรูปแบบ เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความมั่นใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนรอมฎอนอันประเสริฐ ประจำปี ฮ.ศ.1434 และจากสถานการณ์ก่อกวนในพื้นที่ด้วยการผลิตป้ายผ้าจากแหล่งเดียวกัน แล้วนำไปติดตั้งในพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำให้สังคมทั่วไปเข้าใจว่าเป็นความต้องการของสังคมส่วนใหญ่ จึงอยากเรียกร้องให้ทุกส่วนลุกขึ้นมาปกป้องสิทธิของตนเอง ด้วยการรวมพลังปฏิเสธการใช้ความรุนแรงในพื้นที่ และสนับสนุนแนวทางการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี เพราะเป็นทางเดียวที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
