ตรัง - นักชิม นักเที่ยวบ่นเสียดายที่ “ภัตตาคารนำมุ่ย” ร้านอาหารจีนเก่าแก่คู่เมืองตรัง อายุเกือบ 50 ปี ต้องปิดกิจการลง เจ้าของหวั่นธุรกิจอาหารยุคใหม่ที่มีการแข่งขันกันสูง จะทำให้อีก 2 ภัตตาคารที่เหลือต้องปิดตาม
จากกรณีที่ภัตตาคารนำมุ่ย ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 103/1-4 ถนนพระราม 6 ในเขตเทศบาลนครตรัง โดยเป็นร้านอาหารชื่อดังในยุคแรกๆ ที่อยู่คู่กับ จ.ตรัง มาอย่างยาวนานเกือบ 50 ปี ได้ตัดสินใจปิดกิจการลงนับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 20 พ.ค. นี้เป็นต้นไป เนื่องจากเจ้าของมีสุขภาพไม่ค่อยดี ส่วนลูกชายทั้ง 3 คน ก็ไม่อยากสืบทอดกิจการร้านอาหารต่อ บวกกับปัญหาค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่พุ่งสูงขึ้นมาก เช่น ค่าแรง ค่าวัตถุดิบ จนทำให้มีกำไรลดน้อยลง
ท่ามกลางความเสียดายของชาวตรัง นักท่องเที่ยว และนักชิม โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย และสิงคโปร์ ที่มักจะเดินทางมารับประทานอาหารที่ภัตตาคารแห่งนี้ เนื่องจากมีเมนูเด็ดเกี่ยวกับอาหารจีนขนานแท้จำนวนมากมาย เช่น ยำเกี๊ยวปลา ปลาไหลหูดำตุ๋นยาจีน ปลาตูหนาตุ๋นน้ำแดง คะน้าผัดหมูเค็ม หอยจ๊อ ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วง 2 วันสุดท้ายก่อนปิดกิจการ ได้มีลูกค้าที่ทราบข่าวเดินทางมายังภัตตาคารนำมุ่ย เพื่อสั่งอาหารเด็ดมารับประทานเป็นครั้งสุดท้าย
นางมัลลิกา จริงจิตร พนักงานเทศบาลนครตรัง หนึ่งในลูกค้าขาประจำกล่าวว่า รู้สึกเสียดายที่ภัตตาคารต้องปิดกิจการ ทั้งที่อยู่คู่กับเมืองตรังมานานมากแล้ว ซึ่งปกติตนจะชวนครอบครัว และเพื่อนๆ มากินอาหารกันเป็นประจำ เพราะมีรสชาติอร่อย ปรุงสะอาด และราคาถูก โดยเฉพาะอาหารจีนต้นตำรับที่ไม่สามารถหากินได้ในร้านอื่น นอกจากนี้ ตนเองก็ยังเคยมาจัดงานแต่งงานที่ภัตตาคารแห่งนี้เมื่อหลายปีก่อนด้วย จึงมีความผูกพันเป็นอย่างมาก แต่ก็เข้าใจถึงความจำเป็นของเจ้าของร้านที่ตัดสินใจเช่นนี้ และไม่อยากให้ภัตตาคารเก่าแก่แห่งอื่นๆ ที่ยังเหลือไม่กี่แห่งต้องมาปิดกิจการอีก
ด้าน นายประสิทธิ์ ตีระกนก อายุ 56 ปี เจ้าของภัตตาคารนำมุ่ย กล่าวว่า ขณะนี้ใน จ.ตรัง ยังคงเหลือภัตตาคารที่เก่าแก่เพียงแค่ 2 แห่งเท่านั้น คือ กนกภัตตาคาร ซึ่งเป็นของพี่ชาย และภัตตาคารโกยาว ซึ่งล้วนแล้วแต่ตั้งอยู่บนถนนวิเศษกุล ในเขตเทศบาลนครตรัง แต่คาดว่าหากสถานการณ์การแข่งขันด้านธุรกิจอาหารยังคงรุนแรงเช่นนี้ โดยเฉพาะการรุกเข้ามาขยายสาขาของร้านอาหารชื่อดังตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ภัตตาคาร หรือร้านอาหารเก่าแก่ในท้องถิ่นก็คงจะต้องสูญหายไปทั้งหมด เนื่องจากเริ่มได้รับความนิยมลดน้อยลง และมีปัญหาหลายอย่างเข้ามารุมเร้า ซึ่งนับเป็นสิ่งที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง เพราะต่อไปชาวตรังจะไม่มีโอกาสได้ชิมเมนูเด็ดบางอย่างอีกแล้ว
