ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชาวภูเก็ตชื่นชมการทำงานทีมทนายไทยชี้แจงวาจาต่อศาลโลกกรณีปราสาทเขาพระวิหาร มั่นใจข้อมูลฝ่ายไทยดีกว่า แต่ไม่มั่นใจคำตัดสินของศาลโลก
สำหรับบรรยากาศการติดตามการถ่ายทอดสดการชี้แจงต่อศาลโลกของทีมกฎหมายสองประเทศไทย-กัมพูชา ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ต่อกรณีปัญหาเขตแดนปราสาทเขาพระวิหาร วันนี้ (18 เม.ย.) ตามร้านค้าร้านอาหาร และย่านมุมเมืองต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต ชาวภูเก็ตต่างก็ออกมาพูดคุยแสดงความเห็นกันอย่างแพร่หลาย โดยส่วนใหญ่มองว่า ศาลโลกไม่มีอำนาจตีความคำตัดสินเดิมปี 2505 และชื่นชมการชี้แจงด้วยวาจาของทีมทนายไทยที่เตรียมข้อมูลมาดี และเป็นประโยชน์ ทั้งเรื่องการโต้แย้งข้อกล่าวหาและหลักฐานใหม่เกี่ยวกับแผนที่ แต่ส่วนใหญ่ไม่มั่นใจคำตัดสินของศาลโลก ถึงแม้ว่าไทยจะมีข้อมูลที่ดีกว่าก็ตาม พร้อมทั้งรอติดตามดูการถ่ายทอดสดการชี้แจงด้วยวาจา ครั้งที่ 2 ของฝ่ายกัมพูชาในช่วงเย็นวันนี้ เชื่อว่ากัมพูชาคงไม่มีทีเด็ดมากไปกว่านี้ แต่ฝ่ายไทยไม่ควรประมาท
นายดอน ลิ้มนันทพิสิฐ ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ภูเก็ต กล่าวว่า ได้ติดตามการถ่ายทอดสดมาตลอด รอบแรกเป็นรอบของกัมพูชา เราก็ได้ฟังสิ่งที่เขายกมาแต่ละเรื่อง จะว่าไปแล้วก็คือผลการตัดสินของศาลที่ผ่านมาเมื่อปี 2505 ศาลได้ตัดสินและจบไปแล้ว ตอนนั้นที่ตัดสินให้เฉพาะตัวปราสาทเป็นของเขมร ศาลไม่ได้ตัดสินเรื่องแผนที่ หรืออาณาเขต ตรงนั้นมีความชัดเจน แต่ทางกัมพูชาก็พยายามจะโยงไปให้ได้ว่าพื้นที่ข้างเคียงเกี่ยวข้อง ก็อย่างที่ทราบว่ามันเป็นเรื่องตลกมาตั้งแต่ปี 2505 ซึ่งเป็นการตัดสินที่แปลกประหลาดอยู่แล้ว แล้วครั้งนี้ที่พูดก็คือ กัมพูชาย้อนผลกรรมที่ศาลโลกได้ทำเอาไว้
“เมื่อวันที่ 2 คือวันที่ทีมทนายไทยเป็นฝ่ายชี้แจง ถือว่าหลักฐานค่อนข้างชัดเจน บอกให้รู้ว่าเรื่องนี้จริงๆ มันจบไปแล้ว ศาลตัดสินเสร็จแล้วเรากั้นลวดหนามแล้ว แต่ครั้นเมื่อเจ้านโรดมสีหนุ ขึ้นมาเฉลิมฉลอง และไม่ได้ทักท้วงก็ถือเป็นการยอมรับแล้ว นอกจากนี้ข้อมูลที่ชัดไปกว่านั้นคือ เขมรใช้แผนที่ปลอม นี่คือข้อมูลของฝ่ายไทยที่ต้องยอมรับว่าตั้งแต่ติดตามข่าวนี้มาเพิ่งชัดเจนครั้งแรกว่าเขมรใช้แผนที่ปลอมมาหลอกศาลโลก”
ส่วนในเรื่องคำตัดสินของศาลโลกนั้น นายดอน กล่าวว่า ถึงแม้ข้อมูลฝ่ายไทยจะมีความน่าเชื่อถือ แต่การตัดสินมันอยู่กับศาลโลก เคยมีประวัติว่าที่ผ่านมา ในปี 2505 ฝ่ายไทยมีน้ำหนักของข้อมูลดีกว่า แต่เมื่อตัดสินแล้ว ปราสาทพระวิหารตกเป็นของเขมร ฉะนั้นตนจึงไม่เชื่อถือศาลโลก
ขณะที่ นายมณเทียร แซ่ตัน หนึ่งในพันธมิตรฯ ภูเก็ต และเป็นเจ้าของร้านสภากาแฟ ถนนตะกั่วทุ่ง กล่าวว่า ไม่มั่นใจว่าไทยจะชนะคดี เนื่องจากนักการเมืองของไทยนั้นยังมีผลประโยชน์กับเขมรอยู่ การต่อสู้จึงกลายเป็นซูเอี๋ย หรือฮั้วกันรึเปล่าไม่รู้ แต่ในวันนี้จะติดตามดูเพื่อให้เห็นทั้งสองฝ่ายว่ามีข้อโต้แย้งกันอย่างไร
ด้าน น.ส.จิตรลดา พลายด้วย นักศึกษานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง กล่าวว่า ทีมทนายของไทยมีการเตรียมความพร้อมดี โดยส่วนตัวมั่นใจว่าสามารถนำหลักฐานต่างๆ มาหักล้างกับกัมพูชาได้ เพราะว่ามีข้อมูลหลักฐานต่างๆ มากกว่า ส่วนในวันนี้ที่จะเป็นการชี้แจงของฝั่งกัมพูชานั้น ไม่คิดว่าจะมีข้อมูล หรือหลักฐานใหม่มาตอบโต้ฝ่ายไทย เพราะได้นำหลักฐานออกมาใช้หมดแล้ว หรือถ้าหากมีอย่างอื่นอีกก็คงคิดว่าไทยสู้ได้อยู่แล้ว ส่วนตัวแล้วพอใจผลงานของทีมทนายของไทยทีมนี้มาก หากถามว่าครั้งนี้ไทยจะชนะหรือไม่นั้น คิดว่าอาจจะชนะ เพราะที่ผ่านมา เขมรปล่อยปละละเลยไม่ได้มีการทักท้วง เหมือนกับหนามยอกเอาหนามบ่ง ศาลก็น่าจะตัดสินไปในทางเดียวกัน คือ กฎหมายปิดปากไปแล้ว เขมรก็ไม่น่าจะได้ชัย
ขณะที่นายณรงค์เดช สุระฤทธิ์ อาชีพรับจ้าง กล่าวว่า กัมพูชาคงโมเมสร้างเรื่องขึ้นมา เพราะอยากได้พื้นที่ตรงนั้นไปควบรวมกับเขาพระวิหาร โดยให้คนของเขาเข้ามาอยู่ในเขตประเทศไทย ก่อนจะอ้างว่าเป็นของเขา ทั้งที่จริงที่ตรงนั้นเป็นที่ของคนไทย ส่วนตัวได้ดูการชี้แจงขอที่ทนายไทยแล้วพอใจมาก ได้ดูก็พบว่าไทยยังมีหลักฐานลับๆ อีกหลายชิ้น คงจะสู้ได้ ส่วนในวันที่กัมพูชาจะมีการชี้แจงต่อนั้นไม่หนักใจ เพราะเรื่องต่างๆกัมพูชาเป็นคนสร้างขึ้นมาเองหมด อีกอย่างที่ตรงนี้เป็นของไทยอยู่แล้ว แต่เขมรพยายามจะเอาไป
ส่วนเรื่องการตัดสินของศาลโลกว่าไทยจะชนะได้หรือไม่นั้น ตนไม่แน่ใจ เพราะว่าคนในศาลโลกนั้นมีคนฝรั่งเศสอยู่ด้วย และฝรั่งเศสเคยยกเขาพระวิหารให้กัมพูชามาแล้ว ถึงแม้หลักฐาน และข้อมูลของคนไทยจะดี แต่ก็ยังไม่มั่นใจคำตัดสินที่ออกมาว่าไทยจะเป็นผู้ชนะ
สำหรับบรรยากาศการติดตามการถ่ายทอดสดการชี้แจงต่อศาลโลกของทีมกฎหมายสองประเทศไทย-กัมพูชา ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ต่อกรณีปัญหาเขตแดนปราสาทเขาพระวิหาร วันนี้ (18 เม.ย.) ตามร้านค้าร้านอาหาร และย่านมุมเมืองต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต ชาวภูเก็ตต่างก็ออกมาพูดคุยแสดงความเห็นกันอย่างแพร่หลาย โดยส่วนใหญ่มองว่า ศาลโลกไม่มีอำนาจตีความคำตัดสินเดิมปี 2505 และชื่นชมการชี้แจงด้วยวาจาของทีมทนายไทยที่เตรียมข้อมูลมาดี และเป็นประโยชน์ ทั้งเรื่องการโต้แย้งข้อกล่าวหาและหลักฐานใหม่เกี่ยวกับแผนที่ แต่ส่วนใหญ่ไม่มั่นใจคำตัดสินของศาลโลก ถึงแม้ว่าไทยจะมีข้อมูลที่ดีกว่าก็ตาม พร้อมทั้งรอติดตามดูการถ่ายทอดสดการชี้แจงด้วยวาจา ครั้งที่ 2 ของฝ่ายกัมพูชาในช่วงเย็นวันนี้ เชื่อว่ากัมพูชาคงไม่มีทีเด็ดมากไปกว่านี้ แต่ฝ่ายไทยไม่ควรประมาท
นายดอน ลิ้มนันทพิสิฐ ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ภูเก็ต กล่าวว่า ได้ติดตามการถ่ายทอดสดมาตลอด รอบแรกเป็นรอบของกัมพูชา เราก็ได้ฟังสิ่งที่เขายกมาแต่ละเรื่อง จะว่าไปแล้วก็คือผลการตัดสินของศาลที่ผ่านมาเมื่อปี 2505 ศาลได้ตัดสินและจบไปแล้ว ตอนนั้นที่ตัดสินให้เฉพาะตัวปราสาทเป็นของเขมร ศาลไม่ได้ตัดสินเรื่องแผนที่ หรืออาณาเขต ตรงนั้นมีความชัดเจน แต่ทางกัมพูชาก็พยายามจะโยงไปให้ได้ว่าพื้นที่ข้างเคียงเกี่ยวข้อง ก็อย่างที่ทราบว่ามันเป็นเรื่องตลกมาตั้งแต่ปี 2505 ซึ่งเป็นการตัดสินที่แปลกประหลาดอยู่แล้ว แล้วครั้งนี้ที่พูดก็คือ กัมพูชาย้อนผลกรรมที่ศาลโลกได้ทำเอาไว้
“เมื่อวันที่ 2 คือวันที่ทีมทนายไทยเป็นฝ่ายชี้แจง ถือว่าหลักฐานค่อนข้างชัดเจน บอกให้รู้ว่าเรื่องนี้จริงๆ มันจบไปแล้ว ศาลตัดสินเสร็จแล้วเรากั้นลวดหนามแล้ว แต่ครั้นเมื่อเจ้านโรดมสีหนุ ขึ้นมาเฉลิมฉลอง และไม่ได้ทักท้วงก็ถือเป็นการยอมรับแล้ว นอกจากนี้ข้อมูลที่ชัดไปกว่านั้นคือ เขมรใช้แผนที่ปลอม นี่คือข้อมูลของฝ่ายไทยที่ต้องยอมรับว่าตั้งแต่ติดตามข่าวนี้มาเพิ่งชัดเจนครั้งแรกว่าเขมรใช้แผนที่ปลอมมาหลอกศาลโลก”
ส่วนในเรื่องคำตัดสินของศาลโลกนั้น นายดอน กล่าวว่า ถึงแม้ข้อมูลฝ่ายไทยจะมีความน่าเชื่อถือ แต่การตัดสินมันอยู่กับศาลโลก เคยมีประวัติว่าที่ผ่านมา ในปี 2505 ฝ่ายไทยมีน้ำหนักของข้อมูลดีกว่า แต่เมื่อตัดสินแล้ว ปราสาทพระวิหารตกเป็นของเขมร ฉะนั้นตนจึงไม่เชื่อถือศาลโลก
ขณะที่ นายมณเทียร แซ่ตัน หนึ่งในพันธมิตรฯ ภูเก็ต และเป็นเจ้าของร้านสภากาแฟ ถนนตะกั่วทุ่ง กล่าวว่า ไม่มั่นใจว่าไทยจะชนะคดี เนื่องจากนักการเมืองของไทยนั้นยังมีผลประโยชน์กับเขมรอยู่ การต่อสู้จึงกลายเป็นซูเอี๋ย หรือฮั้วกันรึเปล่าไม่รู้ แต่ในวันนี้จะติดตามดูเพื่อให้เห็นทั้งสองฝ่ายว่ามีข้อโต้แย้งกันอย่างไร
ด้าน น.ส.จิตรลดา พลายด้วย นักศึกษานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง กล่าวว่า ทีมทนายของไทยมีการเตรียมความพร้อมดี โดยส่วนตัวมั่นใจว่าสามารถนำหลักฐานต่างๆ มาหักล้างกับกัมพูชาได้ เพราะว่ามีข้อมูลหลักฐานต่างๆ มากกว่า ส่วนในวันนี้ที่จะเป็นการชี้แจงของฝั่งกัมพูชานั้น ไม่คิดว่าจะมีข้อมูล หรือหลักฐานใหม่มาตอบโต้ฝ่ายไทย เพราะได้นำหลักฐานออกมาใช้หมดแล้ว หรือถ้าหากมีอย่างอื่นอีกก็คงคิดว่าไทยสู้ได้อยู่แล้ว ส่วนตัวแล้วพอใจผลงานของทีมทนายของไทยทีมนี้มาก หากถามว่าครั้งนี้ไทยจะชนะหรือไม่นั้น คิดว่าอาจจะชนะ เพราะที่ผ่านมา เขมรปล่อยปละละเลยไม่ได้มีการทักท้วง เหมือนกับหนามยอกเอาหนามบ่ง ศาลก็น่าจะตัดสินไปในทางเดียวกัน คือ กฎหมายปิดปากไปแล้ว เขมรก็ไม่น่าจะได้ชัย
ขณะที่นายณรงค์เดช สุระฤทธิ์ อาชีพรับจ้าง กล่าวว่า กัมพูชาคงโมเมสร้างเรื่องขึ้นมา เพราะอยากได้พื้นที่ตรงนั้นไปควบรวมกับเขาพระวิหาร โดยให้คนของเขาเข้ามาอยู่ในเขตประเทศไทย ก่อนจะอ้างว่าเป็นของเขา ทั้งที่จริงที่ตรงนั้นเป็นที่ของคนไทย ส่วนตัวได้ดูการชี้แจงขอที่ทนายไทยแล้วพอใจมาก ได้ดูก็พบว่าไทยยังมีหลักฐานลับๆ อีกหลายชิ้น คงจะสู้ได้ ส่วนในวันที่กัมพูชาจะมีการชี้แจงต่อนั้นไม่หนักใจ เพราะเรื่องต่างๆกัมพูชาเป็นคนสร้างขึ้นมาเองหมด อีกอย่างที่ตรงนี้เป็นของไทยอยู่แล้ว แต่เขมรพยายามจะเอาไป
ส่วนเรื่องการตัดสินของศาลโลกว่าไทยจะชนะได้หรือไม่นั้น ตนไม่แน่ใจ เพราะว่าคนในศาลโลกนั้นมีคนฝรั่งเศสอยู่ด้วย และฝรั่งเศสเคยยกเขาพระวิหารให้กัมพูชามาแล้ว ถึงแม้หลักฐาน และข้อมูลของคนไทยจะดี แต่ก็ยังไม่มั่นใจคำตัดสินที่ออกมาว่าไทยจะเป็นผู้ชนะ