ประธานสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรียกร้องให้ทุกฝ่ายสนับสนุนการพูดสันติภาพ พร้อมเปิดรับทุกความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์นำสู่ประเด็นการพูดคุยที่ชัดเจน ฝากถึงสื่อนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง ที่เป็นประโยชน์ อย่าเพียงคาดเดา จะเป็นการบั่นทอนกำลังใจตัวแทนของประเทศชาติ
นายอาซิส เบ็ญหาวัณ ประธานสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในช่วงนี้ ทุกฝ่ายจะต้องระมัดระวังให้มากขึ้น เพราะไม่มีหลักประกันใดๆ ว่าความรุนแรงจะลดลงในระยะเวลานี้ จึงเกิดคำถามต่อเนื่องว่า เมื่อเหตุการณ์เป็นอยู่อย่างนี้ การพูดคุยกับ BRN จะมีอยู่หรือไม่นั้น คิดว่าส่วนนี้จะเป็นส่วนที่สำคัญอย่างยิ่งที่ต้องมองย้อนกลับไปดูในประเทศต่างๆ ที่มีความขัดแย้ง ไม่ว่าจะเป็นที่อาเจะห์ ที่มินดาเนา ประเทศฟิลิปปินส์ หรือแม้แต่ที่ไอซ์แลนด์เหนือ ซึ่งในระหว่างการพูดคุยกันนั้น เหตุการณ์ก็ยังเกิดขึ้นเป็นปกติเช่นเดียวกัน จนกระทั่งการพูดคุยได้ข้อสรุปข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน แล้วเหตุการณ์นี้ก็ลดลง แล้วเกิดสันติสุขในที่สุด อันนี้เป็นบทเรียนที่หลายๆ ฝ่ายก็ทราบดี
เพราะฉะนั้น ถึงแม้ว่าจะมีการพูดคุยอีกรอบในปลายเดือนเมษายนนี้ หรืออาจจะมีอีกกี่รอบก็แล้วแต่ ความรุนแรงก็ยังคงมีอยู่ แต่สิ่งที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งก็คือ นับจากการพูดคุยเป็นครั้งสุดท้ายทางฝ่ายไทยได้ขอให้ฝ่าย BRN ลดเป้าหมายที่เป็นประชาชน ส่วนเป้าหมายอื่นๆ นั้น ถ้าลดได้ก็ขอให้ลด จึงได้เรียนให้ฝ่ายเจรจาได้รับทราบ แม้ว่าจะไม่มีการรับปากใดๆ ทั้งสิ้น จะเห็นว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นต่อภาคประชาชนไม่ว่าจะเป็นชาวไทยพุทธ ไทยมุสลิมลดน้อยลงอย่างเห็นชัดเจน เว้นแต่การลอบยิงเป็นรายบุคคล หรือลอบยิงเจ้าหน้าที่เฉพาะบุคคล
ประธานสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวอีกว่า อยากให้ประชาชนทั้งหลายได้ให้กำลังใจแก่รัฐบาล และทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเปิดพื้นที่การพูดคุยในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายอันดี ก่อนหน้านี้ ก็มีการพูดคุยกันชนิดที่ไม่ได้เปิดเผยต่อสังคม แต่วันนี้การพูดคุยได้เปิดเผยต่อสังคมแล้ว อาจจะมีหลายฝ่ายไม่อยากให้พูดคุย วันนี้ต้องขอร้องให้ทุกฝ่ายได้ให้กำลังใจ เพราะเป้าหมายสูงสุดของเราในครั้งนี้ก็คือ เพื่อให้เกิดสันติภาพ เกิดพื้นที่สันติสุขอย่างถาวร จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็จะมีความเจริญก้าวหน้า พัฒนาไปไกลกว่าที่เราคาดคิด
อยากฝากให้ทั้งฝ่ายการเมือง ถ้ามีความคิดเห็นอะไรที่แตกต่างก็ขอให้นำเสนอต่อรัฐบาล หน่วยงานความมั่นคง ศอ.บต. หรือคณะเจรจาเพื่อนำประเด็นไปสู่การพูดคุยให้ชัดเจน ภาคประชาสังคมก็เช่นเดียวกัน ถ้ารับฟังข้อมูลจากชาวบ้าน กลุ่มประชาคม หรือองค์กรอิสระ นักวิชาการ ก็ขอช่วยให้ข้อคิดเห็นในทางที่สร้างสรรค์ เกิดประโยชน์ต่อการพูดคุยในครั้งนี้ให้มากที่สุดจึงจะเกิดสันติสุขอย่างถาวร
“ส่วนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ แม้จะยังเห็นอยู่ก็ขอให้วิเคราะห์ว่า ในแต่ละเหตุการณ์นั้นมีผลต่อองค์กรใดองค์กรหนึ่งหรือไม่ เราพร้อมที่จะเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น และคราวหลังสุดได้เปิดเวทีรับฟังความเห็น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อบจ. อบต. เทศบาล ต่อไปก็จะเปิดพื้นที่การพูดคุยกับผู้นำศาสนาทุกกลุ่ม กลุ่มเศรษฐกิจและกลุ่มต่างๆ เพิ่มขึ้นอีกมากมายแม้แต่ภาคประชาสังคม จึงเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าการไปพูดคุยในครั้งนี้พร้อมที่จะรับฟังข้อมูล”
ส่วนทางด้านสื่อมวลชนอยากฝากเช่นเดียวกัน ท่านมีข้อมูลอะไรที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ สามารถที่จะนำมาใช้ในการแก้ปัญหาได้ ฉะนั้นการที่จะนำเสนอข่าว การพาดหัวข้อข่าว ขอให้รับฟังข้อมูลหรือข้อเท็จจริงจากคณะที่ไปพูดคุย ไม่อยากให้คาดเดา หรือพูดคุยในลักษณะเป็นการบั่นทอนกำลังใจของผู้ที่จะไปเป็นตัวแทนของประเทศชาติเพื่อให้เกิดสันติสุข แม้แต่องค์กรอิสระ องค์กรภาคประชาสังคม เราตระหนักถึงความแตกต่างของการแก้ปัญหา หรือแนวทางการแก้ปัญหา แต่เราก็ขาดข้อเสนอไม่ได้ ดังนั้น หากมีข้อเสนอต่างๆ เสนอมาได้ที่ สมช. ศอ.บต. หรือนายกรัฐมนตรี มั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้มีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะให้จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดสันติสุข และไดรับการแก้ปัญหาอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากการท่องเที่ยว การประกอบอาชีพ ยกระดับความเป็นอยู่ วิถีชีวิต อัตลักษณ์ และความต้องการอย่างถาวรต่อไป