นราธิวาส - สสจ.นราธิวาส เผยพื้นที่ จ.นราธิวาส พบการแพร่ระบาดของไข้เลือดออกอยู่ในอันดับที่ 9 ของภาคใต้ แต่ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และไม่มีรายงานการเสียชีวิต
นายแพทย์จรัญ จันทมัตตุการ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แต่ยืนยันว่า ยังไม่น่าเป็นห่วง และมั่นใจว่ายังสามารถควบคุมได้ ทั้งนี้ จากเดือนมกราคม 2556 จนถึงปัจจุบัน จังหวัดนราธิวาสมีจำนวนผู้ป่วย รวม 182 ราย ซึ่งจังหวัดนราธิวาสพบการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกเป็นลำดับที่ 9 ของภาคใต้ และเป็นลำดับที่ 17 ของประเทศ โดยในพื้นที่ จ.นราธิวาส พบการแพร่ระบาดของโรคมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ อ.รือเสาะ จำนวน 33 ราย อ.ระแงะ จำนวน 35 ราย อ.ยี่งอ จำนวน 17 ราย และยังไม่มีรายงานการเสียชีวิตของผู้ป่วยจากโรคไข้เลือดออก
ส่วนปัจจัยที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาด คือ เรื่องของสภาพอากาศที่ฝนตกบ้างหยุดบ้าง มีการทิ้งขยะมูลฝอยเกลื่อนพื้นที่ทั้งตามบ้านเรือน และสถานที่สาธารณะ ทำให้มีน้ำท่วมขังในถุงขยะ หรือตามภาชนะต่างๆ จึงส่งผลให้ยุงลายสามารถแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ สถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จึงมีความเสี่ยงสูงหากเจ้าหน้าที่เข้าไปฉีดพ่นหมอกควันกำจัดลูกน้ำยุงลาย หรือทำการรณรงค์ป้องกันการเกิดโรคไข้เลือดออกในพื้นที่ ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขได้เตรียมมาตรการในการแก้ปัญหาดังกล่าวแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ระบุว่า การแพร่ระบาดของไข้เลือดออกในพื้นที่ปีนี้คาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาประมาณ 2-3 เท่า โดยส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในจังหวัดภาคใต้ ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือน มี.ค. และอาจต่อเนื่องไปถึงเดือน ก.ย.56 ซึ่งจะพบมากในกลุ่มเด็กโต และผู้ใหญ่ ซึ่งอาจเป็นไข้เลือดออกชนิดทั่วไปที่เกิดขึ้นในพื้นที่อยู่แล้ว หรือเป็นไข้เลือดออกชนิดที่ 3 ซึ่งเป็นเชื้อที่มีความรุนแรง เนื่องจากคนไทยยังไม่มีภูมิคุ้มกัน จึงอาจทำให้มีอาการทรุดหนักได้
ดังนั้น หากพบว่าบุคคลในครอบครัวมีอาการป่วยในระยะ 3-4 วัน อาการยังไม่ลด และมีไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว และเริ่มมีจุดเลือดตามตัว อาเจียนเป็นเลือด ต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันทีเพื่อให้เแพทย์ตรวจวินิจฉัยโรค และรักษาตามอาการ ส่วนผู้ป่วยในระยะเริ่มแรกหากไม่มั่นใจว่าเป็นโรคไข้เลือดออกหรือไม่ และจำเป็นต้องซื้อยามารับประทานขอให้หลีกเลี่ยงยาในกลุ่มแอสไพริน เนื่องจากอาจทำให้เกล็ดเลือดผิดปกติ
ส่วนการป้องกัน และแก้ปัญหาเชิงรุก ในขณะนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและ อสม.ออกสำรวจพื้นที่ สำรวจพื้นที่พบการแพร่ระบาด สำรวจเครื่องพ่น และสาธิตการใช้งานให้แก่ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากประชาชนในการร่วมกันตรวจสอบภาชนะรอบบ้านที่มีน้ำท่วมขัง หากพบเห็นให้รีบคว่ำไว้ หรือหากจำเป็นต้องใช้น้ำจากภาชนะดังกล่าวควรปิดฝาให้มิดชิด หรือเปลี่ยนน้ำทุกๆ 10 วัน และหากพบว่าครัวเรือนใดมีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก ก็จะจัดมาตรการควบคุมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไปยังบุคคลอื่น และในวันที่ 26 มี.ค.นี้ จะจัดมหกรรมรณรงค์ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกครั้งใหญ่ ณ บริเวณหน้าที่ว่าการ อ.แว้ง จ.นราธิวาส เพื่อสร้างความตระหนักให้ประชาชน และทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าวด้วย
นายแพทย์จรัญ จันทมัตตุการ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แต่ยืนยันว่า ยังไม่น่าเป็นห่วง และมั่นใจว่ายังสามารถควบคุมได้ ทั้งนี้ จากเดือนมกราคม 2556 จนถึงปัจจุบัน จังหวัดนราธิวาสมีจำนวนผู้ป่วย รวม 182 ราย ซึ่งจังหวัดนราธิวาสพบการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกเป็นลำดับที่ 9 ของภาคใต้ และเป็นลำดับที่ 17 ของประเทศ โดยในพื้นที่ จ.นราธิวาส พบการแพร่ระบาดของโรคมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ อ.รือเสาะ จำนวน 33 ราย อ.ระแงะ จำนวน 35 ราย อ.ยี่งอ จำนวน 17 ราย และยังไม่มีรายงานการเสียชีวิตของผู้ป่วยจากโรคไข้เลือดออก
ส่วนปัจจัยที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาด คือ เรื่องของสภาพอากาศที่ฝนตกบ้างหยุดบ้าง มีการทิ้งขยะมูลฝอยเกลื่อนพื้นที่ทั้งตามบ้านเรือน และสถานที่สาธารณะ ทำให้มีน้ำท่วมขังในถุงขยะ หรือตามภาชนะต่างๆ จึงส่งผลให้ยุงลายสามารถแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ สถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง จึงมีความเสี่ยงสูงหากเจ้าหน้าที่เข้าไปฉีดพ่นหมอกควันกำจัดลูกน้ำยุงลาย หรือทำการรณรงค์ป้องกันการเกิดโรคไข้เลือดออกในพื้นที่ ซึ่งสำนักงานสาธารณสุขได้เตรียมมาตรการในการแก้ปัญหาดังกล่าวแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ระบุว่า การแพร่ระบาดของไข้เลือดออกในพื้นที่ปีนี้คาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาประมาณ 2-3 เท่า โดยส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในจังหวัดภาคใต้ ซึ่งเริ่มตั้งแต่เดือน มี.ค. และอาจต่อเนื่องไปถึงเดือน ก.ย.56 ซึ่งจะพบมากในกลุ่มเด็กโต และผู้ใหญ่ ซึ่งอาจเป็นไข้เลือดออกชนิดทั่วไปที่เกิดขึ้นในพื้นที่อยู่แล้ว หรือเป็นไข้เลือดออกชนิดที่ 3 ซึ่งเป็นเชื้อที่มีความรุนแรง เนื่องจากคนไทยยังไม่มีภูมิคุ้มกัน จึงอาจทำให้มีอาการทรุดหนักได้
ดังนั้น หากพบว่าบุคคลในครอบครัวมีอาการป่วยในระยะ 3-4 วัน อาการยังไม่ลด และมีไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว และเริ่มมีจุดเลือดตามตัว อาเจียนเป็นเลือด ต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันทีเพื่อให้เแพทย์ตรวจวินิจฉัยโรค และรักษาตามอาการ ส่วนผู้ป่วยในระยะเริ่มแรกหากไม่มั่นใจว่าเป็นโรคไข้เลือดออกหรือไม่ และจำเป็นต้องซื้อยามารับประทานขอให้หลีกเลี่ยงยาในกลุ่มแอสไพริน เนื่องจากอาจทำให้เกล็ดเลือดผิดปกติ
ส่วนการป้องกัน และแก้ปัญหาเชิงรุก ในขณะนี้ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและ อสม.ออกสำรวจพื้นที่ สำรวจพื้นที่พบการแพร่ระบาด สำรวจเครื่องพ่น และสาธิตการใช้งานให้แก่ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน พร้อมทั้งขอความร่วมมือจากประชาชนในการร่วมกันตรวจสอบภาชนะรอบบ้านที่มีน้ำท่วมขัง หากพบเห็นให้รีบคว่ำไว้ หรือหากจำเป็นต้องใช้น้ำจากภาชนะดังกล่าวควรปิดฝาให้มิดชิด หรือเปลี่ยนน้ำทุกๆ 10 วัน และหากพบว่าครัวเรือนใดมีผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก ก็จะจัดมาตรการควบคุมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไปยังบุคคลอื่น และในวันที่ 26 มี.ค.นี้ จะจัดมหกรรมรณรงค์ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกครั้งใหญ่ ณ บริเวณหน้าที่ว่าการ อ.แว้ง จ.นราธิวาส เพื่อสร้างความตระหนักให้ประชาชน และทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาในเรื่องดังกล่าวด้วย
