นราธิวาส - น้ำท่วมนราฯ ขยายวงกว้าง 7 อำเภอแล้ว ราษฎรเดือดร้อนกว่า 6,500 คน โรงเรียนปิดไม่มีกำหนด 4 โรง เจ้าหน้าที่เร่งนำเรือท้องแบนช่วยชาวบ้านอพยพมาอยู่ศูนย์พักพิงชั่วคราว ด้านผู้ว่าฯ ยังไม่ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน โดยจะมีการสำรวจความเสียหายในพื้นทีอีกครั้ง ปภ.ยันช่วยเหลือราษฎรทั่วถึงทุกพื้นที่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.นราธิวาส ว่า ล่าสุดวันนี้ (27 ก.พ.) ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน ได้หยุดตกเป็นช่วงๆ แต่ปริมาณน้ำท่วมขังพื้นที่เกษตร และบ้านเรือนของราษฎรได้ขยายวงกว้าง กินพื้นที่ 51 หมู่บ้าน 23 ตำบล 7 อำเภอ คือ อ.สุไหงโก-ลก อ.ศรีสาคร อ.จะแนะ อ.แว้ง อ.เจาะไอร้อง อ.รือเสาะ และ อ.ตากใบ มีราษฎรได้รับความเดือดร้อน 1,612 ครัวเรือน รวม 6,508 คน
ซึ่งจุดที่วิกฤตที่สุดอยู่ที่บริเวณชุมชนหัวสะพาน ชุมชนท่าโรงเลื่อย ชุมชนท่ากอไผ่ ชุมชนท่าชมพู และชุมชนท่าบือเร็ง เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ที่มีระดับน้ำท่วมขังบ้านเรือนของราษฎรสูง โดยระดับน้ำเฉลี่ยอยู่ที่ 60-80 ซม. ซึ่งล่าสุด ราษฎรจำนวน 17 ครัวเรือน 130 คน ได้อพยพไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพโรงเรียนเทศบาล 4 เป็นการชั่วคราวแล้ว
และในช่วงบ่ายที่ผ่านมา ระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้นอีก 20 ซม. จากผลพวงของน้ำป่าบนเทือกเขาสันกลาคีรีในพื้นที่ อ.สุคิริน ได้ไหลทะลักลงไปสมทบในแม่น้ำสุไหงโก-ลก ทำให้มีปริมาณน้ำล้นสูงกว่าตลิ่ง ประมาณ 1.20 เมตร เจ้าหน้าที่ทหารและฝ่ายปกครองต้องนำเรือท้องแบนอพยพราษฎรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ 5 ชุมชน คือ ชุมชนหัวสะพาน ชุมชนท่าโรงเลื่อย ชุมชนท่ากอไผ่ ชุมชนท่าชมพู่ และชุมชนท่าบือเร็ง เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพโรงเรียนเทศบาล 4 เป็นการชั่วคราวเพิ่มเติม จากช่วงเช้าอีก 28 คน รวมเป็น 158 คนแล้ว
นอกจากนี้ ถนนสายหลัก และสายรองในพื้นที่ 6 อำเภอ จำนวน 24 สาย ถูกน้ำท่วมขังสูงโดยเฉลี่ย 50-80 ซ.ม. ยานพาหนะทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไปมาได้ และมีโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษานราธิวาส ทั้ง 3 เขต จำนวน 4 โรง คือ โรงเรียนบ้านกอแนะเหนือ อ.ระแงะ โรงเรียนบ้านจูดแดง อ.เมืองนราธิวาส โรงเรียนบ้านไม้ฝาด และโรงเรียนบ้านตำเสา อ.แว้ง ถูกน้ำท่วมขัง ทางโรงเรียนต้องประกาศปิดการเรียนการสอนแบบไม่มีกำหนด
ส่วนถนนหนทางสายหลัก และสายรอง จำนวน 24 เส้น ในพื้นที่ 7 อำเภอ ขณะนี้บางเส้นทางยานพาหนะเริ่มวิ่งสัญจรไปมาได้ เนื่องจากมีหน่วยบรรเทาสาธารณภัยของในแต่ละพื้นที่ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อระบายน้ำท่วมบนถนนออกลงสู่แหล่งน้ำ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรที่มีความจำเป็นต้องเดินทางไปติดต่อราชการ
ด้าน นายมาหามะพีสกี วาแม หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ นายอภินันท์ ซื่อธานุวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ยังไม่ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินแต่อย่างใด โดยจะมีการสำรวจความเสียหายในพื้นที่อีกครั้ง หากพบว่ามีความเสียหายมากจึงจะมีการประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติอีกครั้ง โดยเบื้องต้น ได้มีการช่วยเหลือราษฎรตามพื้นที่ต่างๆ ที่ประสบภัยแล้วอย่างทั่วถึง
