นราธิวาส - กระแสน้ำที่เชี่ยวกรากพัดกุฏิวัดทรายทอง อ.รือเสาะ พังเสียหาย ขณะที่ 6 ชุมชนสุไหงโก-ลกจมบาดาล ทหารเริ่มทยอยแจกอาหาร และน้ำดื่ม หลังชาวบ้านเริ่มขาดแคลน
วันนี้ (27 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมจากพื้นที่ จ.นราธิวาส ว่า บรรยากาศโดยทั่วไปท้องฟ้าเริ่มแจ่มใส แต่ยังคงมีเฆมฝนมืดครึ้มแผ่ปกคลุมพื้นที่ ส่งผลทำให้สภาวะฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก และต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ เริ่มเบาบางลง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม สภาวะน้ำท่วมขังพื้นที่ราบลุ่ม พื้นที่ทางเกษตร และบ้านเรือนของราษฎรในพื้นที่ 176 หมู่บ้าน 57 ตำบล ทั้ง 13 อำเภอ ยังคงมีปริมาณน้ำท่วมขังสูง โดยเฉพาะพื้นที่ 6 ชุมชน คือ ชุมชนท่าบือเร็ง ชุมชนท่าชมพู่ ชุมชนท่าประปา ชุมชนท่าเจ๊ะกาเซ็ง ชุมชนท่าโรงเลื่อย และชุมชนหัวสะพาน เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นชุมชนที่ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำสุไหงโก-ลก มีระดับน้ำท่วมขังสูงโดยเฉลี่ย 80-120 ซ.ม.
นอกจากนี้แล้ว จากสภาวะฝนที่ตกลงมาอย่างหนักติดต่อกัน ยังส่งผลทำให้แม่น้ำสายบุรี ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักอีก 1 สาย ซึ่งอยู่ทางด้าน อ.รือเสาะ มีระดับน้ำล้นตลิ่ง และมีกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ได้กัดเซาะริมตลิ่งของวัดทรายทอง ซึ่งตั้งอยู่บ้านบากง ม.6 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จนทำให้กุฏิร้างซึ่งปลูกสร้างอยู่ริมตลิ่งถูกกระแสน้ำพัดจนได้รับความเสียหาย 1 หลัง และบ้านของชาวบ้านอีก 1 หลัง ซึ่งสร้างอยู่ข้างเมรุ ได้รับความเสียหายไปด้วย
ซึ่งผลพวงจากสภาวะน้ำท่วมขังเป็นเวลานานกว่า 1 สัปดาห์ ส่งผลทำให้ราษฎรที่อาศัยอยู่ใน 6 ชุมชนของเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เริ่มขาดแคลนอาหาร และน้ำดื่ม พ.อ.นพดล สุขทับศรี ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 41 สำนักงานพัฒนาภาค 4 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนาบ้านเจาะวา อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ได้นำกำลังพลลงเรือท้องแบน นำอาหารแห้ง และน้ำดื่มตระเวนแจกจ่ายให้แก่ราษฎรเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว
วันนี้ (27 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมจากพื้นที่ จ.นราธิวาส ว่า บรรยากาศโดยทั่วไปท้องฟ้าเริ่มแจ่มใส แต่ยังคงมีเฆมฝนมืดครึ้มแผ่ปกคลุมพื้นที่ ส่งผลทำให้สภาวะฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก และต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ เริ่มเบาบางลง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม สภาวะน้ำท่วมขังพื้นที่ราบลุ่ม พื้นที่ทางเกษตร และบ้านเรือนของราษฎรในพื้นที่ 176 หมู่บ้าน 57 ตำบล ทั้ง 13 อำเภอ ยังคงมีปริมาณน้ำท่วมขังสูง โดยเฉพาะพื้นที่ 6 ชุมชน คือ ชุมชนท่าบือเร็ง ชุมชนท่าชมพู่ ชุมชนท่าประปา ชุมชนท่าเจ๊ะกาเซ็ง ชุมชนท่าโรงเลื่อย และชุมชนหัวสะพาน เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นชุมชนที่ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำสุไหงโก-ลก มีระดับน้ำท่วมขังสูงโดยเฉลี่ย 80-120 ซ.ม.
นอกจากนี้แล้ว จากสภาวะฝนที่ตกลงมาอย่างหนักติดต่อกัน ยังส่งผลทำให้แม่น้ำสายบุรี ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักอีก 1 สาย ซึ่งอยู่ทางด้าน อ.รือเสาะ มีระดับน้ำล้นตลิ่ง และมีกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก ได้กัดเซาะริมตลิ่งของวัดทรายทอง ซึ่งตั้งอยู่บ้านบากง ม.6 ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จนทำให้กุฏิร้างซึ่งปลูกสร้างอยู่ริมตลิ่งถูกกระแสน้ำพัดจนได้รับความเสียหาย 1 หลัง และบ้านของชาวบ้านอีก 1 หลัง ซึ่งสร้างอยู่ข้างเมรุ ได้รับความเสียหายไปด้วย
ซึ่งผลพวงจากสภาวะน้ำท่วมขังเป็นเวลานานกว่า 1 สัปดาห์ ส่งผลทำให้ราษฎรที่อาศัยอยู่ใน 6 ชุมชนของเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก เริ่มขาดแคลนอาหาร และน้ำดื่ม พ.อ.นพดล สุขทับศรี ผู้บังคับหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 41 สำนักงานพัฒนาภาค 4 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนาบ้านเจาะวา อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ได้นำกำลังพลลงเรือท้องแบน นำอาหารแห้ง และน้ำดื่มตระเวนแจกจ่ายให้แก่ราษฎรเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นแล้ว
