ตรัง - พบซากโลมากระโดด อายุ 3 ปี ติดบ่วงดักปลากระโทงจนปากอักเสบ และกินอาหารไม่ได้จนผอมตาย ถือเป็นโลมาที่ตายลงเป็นตัวที่ 5 ของปีนี้ หลังกลุ่มอนุรักษ์เพิ่งรวมตัวเรียกร้อง
เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ (17 มี.ค.) นายประจวบ โมฆรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 จ.ตรัง พร้อมเจ้าหน้าที่ เข้าตรวจสอบซากโลมาที่กลุ่มอนุรักษ์โลมาบ้านตะเสะ อ.หาดสำราญ พบลอยตายในท้องทะเล ระหว่างหมู่เกาะเภตรา-เกาะสุกร ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง
จากการตรวจสอบพบว่า โลมาตัวดังกล่าวเป็นชนิดสายพันธุ์กระโดด อายุไม่เกิน 3 ปี น้ำหนัก 35 กก. ยาว 1.60 เมตร โดยสภาพซากเริ่มส่งกลิ่นเหม็นเน่าแล้ว ส่วนที่บริเวณปากมีบ่วงที่ชาวประมงใช้สำหรับดักจับปลากระโทงติดอยู่ จนเป็นแผลฉกรรจ์ทางยาว ทั้งนี้ คาดว่าน่าจะตายมาแล้วประมาณ 1 วัน
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 6 จ.ตรัง สันนิษฐานว่า โลมาเคราะห์ร้ายตัวดังกล่าวได้ว่ายน้ำหากิน และไปพบบ่วงที่ชาวประมงทำไว้สำหรับดักปลากระโทงจึงได้เข้าไปกินเหยื่อ แล้วถูกบ่วงที่มีเอ็นเบ็ดเกี่ยวติดอยู่รูดรัดเข้าที่ปากของโลมาจนทำให้เกิดอาการบาดเจ็บอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ ด้วยบาดแผลฉกรรจ์ และอักเสบ จึงทำให้โลมาไม่สามารถกินอาหารได้มานานกว่า 1 สัปดาห์ จึงทำให้ผอม และตายในที่สุด ซึ่งปกติน้ำหนักของโลมากระโดดตัวเต็มวัยจะมีอยู่ที่ประมาณ 50-60 กก. โดยจะได้มีการส่งซากไปตรวจพิสูจน์ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลฝั่งอันดามัน จ.ภูเก็ต ต่อไป
สำหรับโลมาที่ตายลงดังกล่าว นับเป็นตัวที่ 5 แล้ว ในรอบปี 2556 ทั้งๆ ที่กลุ่มอนุรักษ์โลมาบ้านตะเสะ ซึ่งเป็นจุดบริเวณที่มีโลมาอาศัยอยู่ชุกชุกมากที่สุดของ จ.ตรัง เพิ่งจะออกมารวมตัวเรียกร้องให้แก้ปัญหาโลมาที่ตายลงไปแล้วจำนวนหลายสิบตัว อันเนื่องมาจากการใช้เครื่องมือประมงพื้นบ้านที่ผิดกฎหมาย
