กระบี่ - ผู้ประกอบการอ่าวต้นไทร จ.กระบี่ เรียกร้องการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ขยายแนวเขตไฟฟ้าลงพื้นที่ ลดมลพิษผลกระทบสิ่งแวดล้อม หลังผู้ประกอบการต้องทนปั่นไฟฟ้าใช้เองนานร่วม 10 ปี
นายธีรศักดิ์ ขนานใต้ ที่ปรึกษาประธานหอการค้าจังหวัดกระบี่ อดีตประธานชมธุรกิจท่องเที่ยวอ่าวต้นไทร ม.2 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ กล่าวว่า อ่าวต้นไทร เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการปีนผา และอยู่ติดกับอ่าวไร่เลย์ อ่าวที่มีชายหาดขาวสวยงาม โดยมีเพียงแนวสันเขากั้นชายหาดระหว่างกันเท่านั้น หากไม่มีภูเขากั้นกลาง ก็สามารถเดินไปมาได้ โดยมีระยะทางเพียงประมาณ 1,500 เมตรเท่านั้น และในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเล่นกีฬาปีนผา ไม่น้อยกว่า 1 แสนคน โดยมีห้องพักไว้คอยบริการนักท่องเที่ยวประมาณ 500 ห้อง จากผู้ประกอบการ 14 ราย สร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการ และจังหวัดกระบี่ไม่น้อยไปกว่าแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ
อดีตประธานชมธุรกิจท่องเที่ยวอ่าวต้นไทร กล่าวอีกว่า ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน รวมระยะเวลากว่า 10 ปี ผู้ประกอบการอ่าวต้นไทรได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่มีไฟฟ้าของภาครัฐใช้ โดยผู้ประกอบการทุกรายต้องช่วยเหลือตัวเองโดยการซื้อเครื่องปั่นไฟมาปั่นไฟฟ้าใช้กันเอง โดยใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง ในแต่ละเดือนผู้ประกอบการอ่าวต้นไทรต้องซื้อน้ำมันมาใช้เป็นเงินไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งการใช้เครื่องปั่นไฟเป็นเวลานานๆ ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งในเรื่องของเสียง และควันจากท่อไอเสียเครื่องปั่นไฟ นอกจากนี้ บางครั้งน้ำมันได้หกไหลลงพื้นทราย และตามชายหาดจากการขนถ่าย
“ที่ผ่านมา ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ขยายไฟฟ้าลงไปยังอ่าวไร่เลย์ และให้เอกชนรายหนึ่ง แต่ไม่ยอมขยายต่อมายังอ่าวต้นไทร ทั้งที่พื้นที่อยู่ติดกันแต่ต่างกันที่อ่าวไร่เลย์ มีโรงแรม ห้องพักมากกว่า โดยอ้างว่าการลงทุนมายังอ่าวต้นไทรไม่คุ้มทุน ทั้งที่มีระยะทางเพียง 1,500 เมตรเท่านั้น แต่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไม่ยอมขยาย ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าทำไม ทั้งที่ทางผู้ประกอบการเองก็ยอมที่ช่วยในการลงทุนหากว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไม่มีงบประมาณ แต่หากว่ามองไปยังสถานประกอบการอีกแห่งหนึ่งซึ่งเป็นอ่าวส่วนตัวของเอกชนเพียงรายเดียว ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคยอมที่จะขยายไปให้ แต่กับของประชาชนหลายรายกลับถูกมองข้าม”
นายธีรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนอยากเรียกร้องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยดูแลผู้ประกอบการอ่าวต้นไทรด้วย เพราะการใช้เครื่องปั่นไฟ ซึ่งใช้น้ำมันดีเซลเป็นเชื้อเพลิง เชื่อว่าใช้ไปในระยะนานๆ ก็จะส่งกระทบต่อสิ่งแวดล้อมภายในอ่าวต้นไทรอย่างรุนแรงอย่างแน่นอน และเชื่อว่า หากได้ใช้กระแสไฟฟ้าของรัฐก็จะทำให้ต้นทุนในการผลิตกระแสไฟของภาคเอกชนลดลงด้วย เพราะจากการสอบถามไปยังผู้ประกอบการอ่าวไร่เลย์บางราย ทราบว่า ขณะที่ใช้เครื่องปั่นไฟเองต้องซื้อน้ำมันเดือนละประมาณ 1 ล้านบาท แต่เมื่อได้ใช้ไฟฟ้าของรัฐ เสียค่าไฟฟ้าเดือนละประมาณ 3 แสนบาทเท่านั้น ซึ่งประหยัดค่าใช้จ่ายได้เกินครึ่ง อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาช่วยผู้ประกอบการอ่าวต้นไทรด้วย
