ปัตตานี - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แจงใช้ ม.21 ให้โอกาสผู้หลงผิดทุกคนกลับตัวต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งเหตุถล่มฐาน นย.บาเจาะ ย้ำไม่มีใครอยากยื้อไฟใต้ วอนเข้าข้างเจ้าหน้าที่บ้างอย่ามัวแต่จับผิด
วันนี้ (20 ก.พ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่ จ.ปัตตานี เพื่อติดตามรับทราบปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ โดยได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนมาในนามของนายกรัฐมนตรี ที่มอบหมายให้มาดูแลในส่วนของ กอ.รมน. และ ศอ.บต. รวมทั้งการสร้างความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานตามแผนยุทธศาสตร์ โดยวาระแรกมาทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายในการแก้ปัญหา ซึ่งมีศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) และ กอ.รมน. นำโดยแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นคณะทำงานแก้ปัญหาตั้งแต่ข้างบนจนถึงผู้ปฏิบัติ
โดยจะพบปะกับกลุ่มผู้ที่เคยเข้าใจผิด และถูกชักจูงไปในทางที่ไม่ดี ตามโครงการสานใจสู่สันติ หรือเรียกว่าเอาคนกลับบ้าน ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้เข้าใจในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่พอสมควร และร่วมเสนอทางออกในการแก้ไขปัญหา พร้อมช่วยเสนอแนะว่าจะทำอย่างไรให้แก่กลุ่มคนที่กำลังเข้าใจผิด หรือถูกชักจูงให้กลับตัวกลับใจ ซึ่งตนคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี ถึงแม้จะเป็นในส่วนของแนวร่วม หรือผู้ปฏิบัติ ไม่ว่าเด็ก หรือผู้ใหญ่ก็เป็นประโยชน์ทั้งสิ้น และหากเป็นผู้ใหญ่ก็จะได้ช่วยชักจูงเด็กออกมาทำในสิ่งที่ดี ซึ่งล้วนแล้วก็เป็นญาติพี่น้องด้วยกันทั้งสิ้น จากนั้นก็มาคุยกันโดยการเอาข้อกฎหมายมาพิจารณา แต่ก็จะไม่ให้เสียกระบวนการยุติธรรม
“จะมาคุยกันเรื่องมาตรา 21 ให้มีความเข้าใจกันมากขึ้น ซึ่งบางคนเข้าใจว่าออกมาแล้วไม่มีโทษ ซึ่งจริงๆ แล้วออกมาก็ต้องคัดกรองว่ากระทำผิดเช่นไร ส่วนพวกที่มีหมาย ป.วิอาญา ก็พิจารณาว่าจะช่วยในการลดโทษได้ขนาดไหน ซึ่งทุกภาคส่วนต้องให้ความเป็นธรรม ที่สำคัญ ต้องมีการให้อภัย และเอื้อเฟื้อต่อกัน ไม่ว่าจะเป็นไทยพุทธหรือมุสลิมเพราะเราเป็นคนไทยด้วย” ผบ.ทบ. กล่าว
ส่วนการตั้งที่ปรึกษา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้ความเห็นว่า ไม่อยากจะให้คิดว่าเป็นการสร้างปัญหา หรือจะเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหา เพราะที่ปรึกษามีหลายคณะ และก็ไม่ได้มีอำนาจในการสั่งการ เพียงแต่มีการนำข้อเสนอขึ้นไปเท่านั้น และมีการถ่วงดุลอำนาจกันอยู่แล้ว
ผบ.ทบ.ยังกล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ความไม่สงบในปัจจุบันนั้น ยังมีระเบิดอยู่และคนที่จ้องก่อเหตุไม่สงบก็ยังมีอยู่ จึงจำเป็นต้องใช้มาตรา 21 ให้เจ้าหน้าที่ หรือญาติพี่น้องช่วยนำตัวออกมา เพราะไม่มีประโยชน์ที่ต้องออกมาต่อสู่กับรัฐ และการที่จะแยกดินแดนมันเป็นไปไม่ได้ เพราะโลกได้เจริญแล้ว และหากย้อนกลับไปเริ่มนับหนึ่ง หรือตั้งประเทศใหม่นั้นไม่มีทาง เพราะทุกประเทศที่แยกออกไปแล้วทุกวันนี้ต่างก็แย่หมด เพราะประเทศไทยไม่ได้มีปัญหาแบ่งแยกดินแดนอย่างเดียว ยังมีปัญหาทับซ้อนอีกมากมาย อย่างเช่นปัญหายาเสพติด ผลประโยชน์ผิดกฎหมาย
“ถ้าพบว่ามีเจ้าหน้าที่ หรือพลเรือนคนใดกระทำผิดกฎหมายก็ขอให้บอกมา และไม่อยากให้คิดว่าปัญหาที่เกิดอยู่เพราะเจ้าหน้าที่อยากให้ปัญหายังมีอยู่ ตนอยากให้ลูกน้องกลับบ้านเพราะไม่ใช่พื้นที่รับผิดชอบ แต่ก็ต้องมาเพราะความรับผิดชอบในภาระหน้าที่ เพราะหากจะใช้เจ้าหน้าที่กำลังคนในพื้นที่ก็ไม่เพียงพอ เพราะพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัดมี 37 อำเภอ 200 กว่าตำบล 1,300 กว่าหมู่บ้าน พอมั่นใจสำหรับทหาร ตำรวจในพื้นที่ เพราะคนร้ายไม่ได้ก่อเหตุอยู่ตามสี่แยก เผลอเมื่อไรก็จะก่อเหตุ ฉะนั้น ตรงนี้คือเหตุผลง่ายๆ ทุกคนต้องเข้าใจ และอย่าหาว่าตนดุเดือด ตนเพียงแค่อธิบาย
ส่วนกรณีจะให้โอกาสคนร้ายที่ก่อเหตุโจมตีฐาน นย. อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส นั้น เข้ามามอบตัวหรือไม่นั้น ตนขอให้มามอบตัว ทุกคนมีโอกาส แต่อย่ามาสร้างความรุนแรงอีก เพราะจับอาวุธสู้เจ้าหน้าที่รัฐยังไงก็ผิด หากถามกลับไปว่าท่านเป็นประชาชนแล้วทำผิดกฎหมายกลับบอกว่าไม่ผิด แต่กลับบอกว่าเจ้าหน้าที่ผิดได้หรือไม่ เวลาถามอย่าถามเข้าข้างโจร ให้ถามเข้าข้างเจ้าหน้าที่บ้าง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
