นครศรีธรรมราช - อาจารย์อัตราจ้าง และพนักงานชั่วคราว ม.ราชภัฏนครศรีธรรมราช รวมตัวกันกว่า 50 คนเข้ายื่นหนังสือถึงนายกสภามหาวิทยาลัย ร้องขอความเป็นธรรมข้อกำหนดการสมัครเป็นพนักงานเหมือนถูกบีบให้ออก
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (8 ก.พ.) ที่ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ได้มีบรรดาครูอัตราจ้าง และพนักงานชั่วคราวของมหาวิทยาลัย จำนวนกว่า 50 คน นำโดย ดร.ทรงพล โสภณ ประธานสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช เป็นตัวแทน ได้เข้ายื่นหนังสือถึง รศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ นายกสภามหาวิทยาลัย เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมในเรื่องการรับสมัครเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ขณะที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช มีการประชุมสภามหาวิทยาลัย
โดย ดร.ทรงพล โสภณ ประธานสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ระบุในหนังสือว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราชได้ประกาศรับสมัครสอบคัดเลือกบรรจุบุคคลเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ทั้งสายสาขาวิชา (อาจารย์) และสายสนับสนุนวิชาการ (พนักงาน) เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยเปิดรับสมัครวันที่ 14-1 6 ก.พ.56 แต่กำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ขัดต่อสถานภาพของอาจารย์จ้าง และพนักงานชั่วคราวเรื่องคุณสมบัติต่างๆ จึงคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
“อาจารย์อัตราจ้าง และพนักงานชั่วคราวที่มายื่นหนังสือได้แจ้งว่า การประกาศรับสมัครพนักงานมหาวิทยาลัยระบุว่า ผู้มีสิทธิสมัครต้องสำเร็จปริญญาตรีสาขาตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งที่ ก.พ.รับรอง และต้องได้เกรดเฉลี่ย 2.50 อายุไม่เกิน 35 ปี ซึ่งการระบุเช่นนี้ ทำให้ลูกจ้างชั่วคราว และอาจารย์อีกจำนวนมากที่สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยมาคนละกว่า 10 ปี ได้รับผลกระทบ เพราะบางคนอายุเกิน 35 ปีแล้ว เหมือนกับถูกบีบให้ออก” หนังสือดังกล่าวระบุ
ดร.ทรงพล โสภณ ประธานสภาคณาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ระบุว่า หากกำหนดกฎเกณฑ์เช่นนี้ทำให้ผู้ที่มายื่นหนังสือกว่า 50 คนไม่มีสิทธิสมัครเข้าคัดเลือกให้เป็นพนักงานมหาวิทยาลัย จึงมารวมตัวกันยื่นหนังสือถึงนายกสภามหาวิทยาลัยเพื่อให้ทบทวนข้อกำหนดดังกล่าวใหม่ โดยกลุ่มครูอาจารย์ และพนักงานชั่วคราวระบุอีกว่า หลังจากได้ยื่นหนังสือถึงนายกสภามหาวิทยาลัยแล้ว จะให้เวลาอีก 5 วัน ถ้าไม่มีคำตอบที่ชัดเจนก็จะรวมตัวกันอีกครั้ง ก่อนจะแยกย้ายกันกลับไปทำงานตามปกติ
ต่อมา รศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ นายกสภามหาวิทยาลัย ได้ออกมารับหนังสือจากผู้ร้องเรียน และสอบถามถึงปัญหาดังกล่าว พร้อมกับรับปากว่าจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมของสภามหาวิทยาลัยเพื่อหาข้อสรุป โดยผลออกมาอย่างไรจะแจ้งให้ทราบต่อไป
