xs
xsm
sm
md
lg

กลุ่มชาวมุสลิมตรังกังขาสั่งผลักดัน 145 โรฮิงญา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตรัง - กลุ่มพี่น้องชาวมุสลิม จ.ตรัง รวมตัวเรียกร้องให้ทางจังหวัดออกมาชี้แจง กรณีสั่งผลักดัน 145 ชาวโรฮิงญาออกไปนอกพื้นที่ และไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 4 ก.พ. ที่สภากาแฟมุสลิมตรัง ถ.สถานีรถไฟ ในเขตเทศบาลนครตรัง นายสมาน ลิปพันธ์ อดีต ส.อบจ.ตรัง เขต อ.กันตัง และกรรมการอิสลามประจำ จ.ตรัง ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.ตรัง ให้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการพิเศษดูแล 13 ชาวโรฮิงญา ที่ถูกส่งมาพักอาศัยอยู่ในบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ตรัง พร้อมด้วยพี่น้องชาวมุสลิมจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางมารวมตัวกันเพื่อวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติต่อ 145 ชาวโรฮิงญา โดยไม่เป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชน และผลักดันออกไปนอกพื้นที่ ขณะกำลังเข้ามาจอดลอยลำอยู่บริเวณหน้าชายหาดปากเมง หมู่ที่ 4 ตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ กลุ่มพี่น้องชาวมุสลิมของจังหวัดตรัง ระบุว่า ชาวโรฮิงญากลุ่มนี้อพยพมาจากรัฐยะไข่ ประเทศพม่า แต่ระหว่างที่ลอยลำอยู่กลางทะเลนั้น อาหารที่เตรียมมาซึ่งส่วนใหญ่เป็นแป้งข้าวหมาก แต่เนื่องจากมีอายุการเก็บรักษาไว้ไม่ได้นาน จึงเน่าเสีย และจำเป็นต้องทิ้ง จึงทำให้ไม่มีอาหารเพียงพอที่จะประทังชีวิตผู้ที่อยู่บนเรือทั้งหมดได้ จึงทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 4 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย และเมื่อเสียชีวิตก็ได้นำศพโยนทิ้งในทะเล และออกเดินทางต่อยังประเทศที่ 3 ในสภาพที่ต่างคนต่างหิวโหย อ่อนล้า และอ่อนเพลีย เนื่องจากขาดอาหารและน้ำ จึงได้มาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่เกาะมุกด์ จังหวัดตรัง และต่อมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าให้การช่วยเหลือดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้ชาวโรฮิงญาทั้งหมดจะพยายามร้องขอผ่านล่ามให้เจ้าหน้าที่ช่วยลากเรือกลับเข้าฝั่งที่หากปากเมง หรือหาดหยงหลิง เพื่อหยุดพักก่อนที่จะเดินทางต่อ เพราะเครื่องยนต์เสียจึงไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ แต่ทางเจ้าหน้าที่กลับไม่ยอมลากเรือเข้าฝั่ง และประสานให้เจ้าหน้าที่ทหารเรือจาก จ.พังงา มาลากเรือชาวโรฮิงญาไปส่งยังประเทศที่ 3 ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายตรังเมืองแห่งความสุข อย่างที่ นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พยายามผลักดันอยู่ในขณะนี้ นอกจากนั้น ยังกีดกันไม่ให้สื่อมวลชนลงเรือไปบันทึกภาพชาวโรฮิงญาในทะเลเพื่อนำเสนอข่าว จึงอยากเรียกร้องให้ทางจังหวัดออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าว เพื่อให้เกิดความกระจ่างในสังคม และจะได้ไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด


กำลังโหลดความคิดเห็น