ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - สำนักจุฬาราชมนตรี และคณะกรรมการอิสลาม 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนช่วยเหลือมุสลิมโรฮิงญา เรียกร้องรัฐบาลอย่าส่งตัวกลับพม่า พร้อมเสนอใช้มัสยิดกลางสงขลาเป็นสถานที่พักพิงชั่วคราวแก่ผู้ที่ไม่มีคดีอาญาติดตัว และเปิดบัญชีระดมทุนช่วยเหลือเบื้องต้น
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (17 ม.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา ดร.วิสุทธิ์ บินล่าเต๊ะ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงาน สำนักจุฬาราชมนตรี พร้อมนายซากี พิทักษ์คุมพล เลขานุการจุฬาราชมนตรี นายอับดาลรอหมาน กาเหย็ม เลขานุการคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา และตัวแทนสำนักงานคณะกรรมการอิสลามใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ร่วมกันออกแถลงการณ์สำนักจุฬาราชมนตรี และองค์กรมุสลิม กรณีผู้ลี้ภัยชาวมุสลิมโรฮิงญา โดยกรณีการหลบหนีภัยการสู้รบในประเทศพม่าของชาวโรฮิงญาเข้ามาในประเทศไทย จำนวนกว่า 800 คน กระทั่งถูกจับกุม และควบคุมตัวอยู่ในสถานีตำรวจหลายแห่งในจังหวัดสงขลา ตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค. ที่ผ่านมา
โดยแถลงการณ์ระบุว่า สำนักจุฬาราชมนตรี คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการอิสลาม 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีจุดยืนต่อกรณีดังกล่าว และข้อเรียกร้องต่อฝ่ายต่างๆ รวม 3 ข้อ ดังนี้
1.ขอให้ประชาชนไทยโดยรวมเห็นใจต่อผู้ที่เผชิญกับเหตุการณ์อันเลวร้าย ซึ่งทำให้สูญเสียชีวิตของผู้เป็นที่รัก ทรัพย์สิน ตลอดจนศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ จนไม่อาจทนอยู่ในแผ่นดินที่เกิดได้ จึงต้องหลบหนีมาอาศัยแผ่นดินไทยเป็นที่หลบลี้หนีภัย และขอให้พี่น้องชาวไทย และมุสลิมทั่วประเทศไทยโปรดแสดงไมตรีจิต และภารดรภาพให้เป็นที่ประจักษ์ด้วยการร่วมบริจาคเงิน และอาหาร เพื่อการยังชีพของพี่น้องผู้ตกทุกข์ได้ยากเหล่านี้ ซึ่งอาจต้องพักพิงอาศัยในแผ่นดินไทยไปอีกระยะหนึ่ง
ทั้งนี้ สำนักจุฬาราชมนตรีได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลาเป็นศูนย์กลางการรับบริจาคจากทุกภาคส่วน และกระจายความช่วยเหลือไปยังทุกสถานที่ที่มีการควบคุมตัวผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญาเอาไว้ โดยประสานงานกับหน่วยงาน หรือองค์กรที่ช่วยดำเนินการช่วยเหลืออยู่ก่อนแล้วอย่างใกล้ชิด
2.ขอให้รัฐบาลไทยคำนึงถึงมนุษยธรรม และช่วยบรรเทาความทุกข์เข็ญที่ผู้ลี้ภัยเหล่านี้ประสบ โดยอำนวยการให้พวกเขาสามารถลี้ภัยในประเทศไทยได้ตามความเหมาะสม ไม่ส่งตัวคนเหล่านี้กลับไปยังประเทศพม่า ตราบใดที่สถานการณ์ยังไม่กลับคืนสู่ภาวะปกติ และอาจส่งตัวคนเหล่านี้ไปยังประเทศที่ 3 ตามความสมัครใจของผู้ลี้ภัยเอง
ในส่วนของสถานที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญานี้ หากไม่เป็นการขัดต่อกฎหมายบ้านเมือง และกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ องค์กรที่ร่างแถลงการณ์ทั้งหมดยินดีให้ใช้มัสยิดกลางจังหวัดสงขลาเป็นสถานที่พักพิงแก่ชาวโรฮิงญาที่ไม่มีคดีอาญาติดตัว จนกว่าจะสามารถจัดหาสถานที่ที่เหมาะสมได้ ข้อเสนอนี้เป็นไปเพื่อบรรเทาภาระที่หนักหน่วงของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแก้ปัญหาความแออัดของสถานที่ควบคุม รวมทั้งเพื่อความสะดวกในการส่งความช่วยเหลือต่างๆ
3.ขอให้ประเทศโลกมุสลิม และองค์กรระหว่างประเทศ หน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ ที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน ประสานงานกับประเทศที่ 3 เพื่อจัดหาที่ลี้ภัย พร้อมทั้งเพิ่มแรงกดดันต่อรัฐบาลพม่าให้ยอมรับความเป็นพลเมืองพม่าของชาวโรฮิงญา และปฏิบัติต่อชาวโรฮิงญาเฉกเช่นชาติพันธุ์อื่น
นอกจากนี้ ทางสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา ยังได้เปิดบัญชีเพื่อระดมทุนช่วยเหลือชาวโรฮิงญาด้วย ชื่อบัญชี สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา (กองทุนช่วยเหลือชาวโรฮิงญา) บัญชีเลขที่ 934-1-48557-6 ธนาคารอิสลามแห่งประไทย สาขาหาดใหญ่