กระบี่ - จบลงด้วยดี นายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ นำนายสุพรรรณ ภูมิภมร สมาชิกสภาเทศบาลเมืองกระบี่ ขอโทษพี่น้องชาวมุสลิมกระบี่ กรณีใช้วาจาหยาบคายด่าทอเสียงอาซาน สารภาพทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ไม่นึกว่าเหตุการณ์จะบานปลาย และจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นกับตนอีก
นายวีระ จันทรทิพรักษ์ ปลัดจังหวัดกระบี่ เป็นประธานการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน กรณีที่ทางนายวันชัย เจ๊ะโส้ อีหม่าม ประจำมัสยิดมาดีนะ ตั้งอยู่ชุมชนกระบี่-ท่าเรือ เขตเทศบาลเมืองกระบี่ ได้ร้องเรียนต่อนายอัสนาวี มุคุระ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดกระบี่ ว่า ถูกนายสุพรรณ ภูมิภมร สมาชิกสภาเทศบาลเมืองกระบี่ ด่าทอเสียงอาซานขณะละหมาดซุบฮิห์ในตอนเช้ามืด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 มกราคม 56 ด้วยวาจาที่หยาบคาย โดยมีนายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน นายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ และนายสุพรรณ หรืออาร์ม ภูมิภมร สมาชิกสภาเทศบาลเมืองกระบี่ เข้าร่วม จัดขึ้นที่ห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดกระบี่ ม.2 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่
นายวีระ จันทรทิพรักษ์ ปลัดจังหวัดกระบี่กล่าวว่า ตามที่ทางคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดกระบี่ ได้นำเรื่องร้องเรียนต่อนายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กรณีที่มีการใช้ถ้อยคำหยาบคายขณะที่มีการปฏิบัติศาสนกิจของพี่น้องชาวมุสลิม ทำให้เกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมาก เกรงว่าจะเกิดปัญหาบานปลาย จึงได้ประสานไปยังผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งนายกเทศมนตรี เพื่อมาพูดคุยทำความเข้าใจกัน ซึ่งในวันนี้ทางผู้ร้องเรียน และถูกร้องเรียนได้มาพูดคุยกันเพื่อหาทางออกต่อกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งทราบว่าสาเหตุที่มีการด่าทอขณะที่มีการอาซานนั้นเนื่องจาก นายสุพรรณ เกิดความเครียดเพราะลูกที่ยังเล็กไม่สบาย
นายสุพรรณ ได้กล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอโทษพี่น้องชาวมุสลิมทุกคน ไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลาย ที่ผ่านมา ตนเองไม่เคยคิดที่จะลบหลู่ดูหมิ่นศาสนาอิสลามแต่อย่างใด และให้ความเคารพมาโดยตลอด โดยอาศัยอยู่ที่ชุมชนใกล้มัสยิดมาเป็นเวลากว่า 20 ปี ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกัน แต่สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเนื่องจากอารมณ์ชั่ววูบ ลูกกำลังไม่สบายจึงได้ใช้วาจาที่หยาบคายออกไป และต้องขอโทษในการกระทำที่เกิดขึ้น และหลังจากนี้การกระทำที่เกี่ยวกับศาสนาจะไม่เกิดขึ้นอีก
นายอัสนาวี มุคุระ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ในเมื่อเหตุการณ์ยุติลงได้ด้วยดีตนก็รู้สึกดีใจ แต่ขอฝากไปยังพี่น้องต่างศาสนิกว่าการปฏิบัติศาสนกิจของชาวมุสลิม วันละ 5 เวลา จึงต้องมีการการอาซานวันละ 5 เวลาเช่นกัน เป็นที่ทราบกันดี ในบางพื้นที่มัสยิดกับวัดอยู่ติดกัน มีการใช้เสียงกัน แต่ก็อยู่ร่วมกันได้ กรณีที่ที่เกิดขึ้นขอให้เป็นกรณีตัวอย่าง และว่าที่ผ่านมาพี่น้องมุสลิม และชนต่างศาสนิกอยู่ด้วยความสงบ และเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน จึงขอให้อยู่กันเหมือนที่ผ่านมา เพื่อความสงบสุข และไม่เกิดความแตกแยกกันในสังคม เพราะศาสนาเป็นเรื่องของศรัทธา และจิตใจ อย่าดูถูกเหยียดหยามซึ่งกันและกันเด็ดขาด