ศูนย์ข่าวภูเก็ต - คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดกระบี่ ยื่นหนังสือ ผวจ.กระบี่ กรณีโต๊ะอิหม่าม ร้องเรียนสมาชิกสภาเทศบาลเมืองกระบี่ ด่าทอเสียงอาซาน เป็นการดูหมิ่นศาสนาอย่างร้ายแรง ด้านผู้ว่าฯ เตรียมเรียกผู้บริหารเทศบาลหารือด่วน เพื่อยุติปัญหา
เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (9 ม.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดกระบี่ นายอัสนาวี มุคุระ ประธานคณะกรรมการการอิสลามประจำจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยคณะ ได้เดินทางเข้าพบนายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้ช่วยยุติปัญหา ความขัดแย้ง กรณีที่นายวันชัย เจ๊ะโส้ อิหม่ามประจำมัสยิดมาดีนะฮ์กระบี่ ชุมชนกระบี่-ท่าเรือ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ ร้องเรียนว่า ถูกนายสุพรรณ ภูมิภมร สมาชิกสภาเทศบาลเมืองกระบี่ ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กับมัสยิดมาดีนะฮ์กระบี่ ได้กระทำการดูหมิ่นศาสนาอิสลาม โดยใช้ถ้อยคำหยาบคายด่าทอขณะที่มีการอาซาน เชิญชวนคนไปละหมาดชุบฮี หรือในช่วงเวลาประมาณ 5 โมงเช้า สร้างความไม่พอใจแก่พี่น้องชาวมุสลิมเป็นอย่างมาก
นายอัสนาวี เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2555 ที่มัสยิด มาดีนะฮ์กระบี่ ขณะที่นายภูษิต หวันโส้ ได้ทำการอาซานในเวลาละหมาดซุบฮี ได้มีนายสุพรรณ ภูมิภมร สมาชิกสภาเทศบาลเมืองกระบี่ ซึ่งมีบ้านอาศัยอยู่ห่างจากมัสยิดประมาณ 20 เมตร ได้เปิดประตูบ้านออกมาแล้วตะโกนด่าทอด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย รุนแรง ตั้งแต่เริ่มการอาซาน จนกระทั่งจบ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 นาที ซึ่งคนที่มาละหมาดในช่วงเวลาดังกล่าวได้ยินเสียงชัดเจน เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นการดูหมิ่นศาสนาอย่างร้ายแรง
นายอัสนาวี กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความไม่พอใจแก่คนที่ไปละหมาดที่มัสยิดดังกล่าวเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ พี่น้องชาวไทยมุสลิม ในจังหวัดกระบี่ ที่ทราบข่าวก็ไม่พอใจกับการกระทำของสมาชิกสภาเทศบาลคนดังกล่าว เนื่องจากการกระทำดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เกรงว่าจะเกิดความขัดแย้งบานปลาย และอาจจะนำไปสู่ความรุนแรง ทั้งนี้ ในจังหวัดกระบี่ ชาวไทยพุทธ และมุสลิมอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสันติไม่เคยมีความขัดแย้งในเรื่องเกี่ยวกับศาสนาแต่อย่างใด ซึ่งในปัจจุบัน ชาวไทยมุสลิมมีอยู่ในจังหวัดกระบี่ 48% ของประชากรทั้งจังหวัด จึงได้มายื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เพื่อช่วยหาแนวทางในการแก้ปัญหาอบย่างสันติวิธี
นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวภายหลังรับหนังสือร้องเรียนพร้อมกล่าวว่า ได้สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยสรุป ในเบื้องต้น ตนมองว่าผู้ที่กระทำการด่าทอไม่เข้าใจในการอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีวัฒนธรรมแตกต่างกัน ศาสนาต่างกัน ซึ่งเรื่องนี้จะประสานไปยังนายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ และคณะผู้บริหารมาร่วมกันหารือ และทำความเข้าใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อหาทางแก้ปัญหาไม่ให้บานปลาย แต่อย่างไรก็ตาม การใช้ถ้อยคำที่หยาบคายด่าทอคนต่างศาสนานั้นเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง การที่คนต่างศาสนาอาศัยอยู่ร่วมกันในสังคมต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน
นายสุพรรณ ภูมิภมร สมาชิกสภาเทศบาลเมืองกระบี่ กล่าวยอมรับว่า ได้กระทำการด่าทอจริง แต่ทำไปเพราะด้วยความโกรธ เพราะช่วง 2-3 วันก่อนเกิดเหตุ ลูกชายของตนซึ่งยังเล็กอยู่ไม่สบายอย่างหนัก ทำให้ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ปรากฏว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวมีเสียงดังออกมาจากมัสยิดพอดี ทำให้เกิดความรำคาญเป็นอย่างมาก จึงได้เปิดประตูบ้านพร้อมตะโกนด่าออกไปเพื่อให้ลดการใช้เสียง ทั้งนี้ ที่ผ่านมาก็ได้แจ้งให้ทางโต๊ะอิหม่ามมัสยิดดังกล่าวรับทราบแล้ว เพื่อให้ลดการใช้เสียง หรือหยุดการใช้เสียงในช่วงเวลาดังกล่าว ตนไม่มีอะไรแอบแฝง
เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (9 ม.ค.) ที่ศาลากลางจังหวัดกระบี่ นายอัสนาวี มุคุระ ประธานคณะกรรมการการอิสลามประจำจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยคณะ ได้เดินทางเข้าพบนายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้ช่วยยุติปัญหา ความขัดแย้ง กรณีที่นายวันชัย เจ๊ะโส้ อิหม่ามประจำมัสยิดมาดีนะฮ์กระบี่ ชุมชนกระบี่-ท่าเรือ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ ร้องเรียนว่า ถูกนายสุพรรณ ภูมิภมร สมาชิกสภาเทศบาลเมืองกระบี่ ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้กับมัสยิดมาดีนะฮ์กระบี่ ได้กระทำการดูหมิ่นศาสนาอิสลาม โดยใช้ถ้อยคำหยาบคายด่าทอขณะที่มีการอาซาน เชิญชวนคนไปละหมาดชุบฮี หรือในช่วงเวลาประมาณ 5 โมงเช้า สร้างความไม่พอใจแก่พี่น้องชาวมุสลิมเป็นอย่างมาก
นายอัสนาวี เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2555 ที่มัสยิด มาดีนะฮ์กระบี่ ขณะที่นายภูษิต หวันโส้ ได้ทำการอาซานในเวลาละหมาดซุบฮี ได้มีนายสุพรรณ ภูมิภมร สมาชิกสภาเทศบาลเมืองกระบี่ ซึ่งมีบ้านอาศัยอยู่ห่างจากมัสยิดประมาณ 20 เมตร ได้เปิดประตูบ้านออกมาแล้วตะโกนด่าทอด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย รุนแรง ตั้งแต่เริ่มการอาซาน จนกระทั่งจบ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 3 นาที ซึ่งคนที่มาละหมาดในช่วงเวลาดังกล่าวได้ยินเสียงชัดเจน เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นการดูหมิ่นศาสนาอย่างร้ายแรง
นายอัสนาวี กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างความไม่พอใจแก่คนที่ไปละหมาดที่มัสยิดดังกล่าวเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ พี่น้องชาวไทยมุสลิม ในจังหวัดกระบี่ ที่ทราบข่าวก็ไม่พอใจกับการกระทำของสมาชิกสภาเทศบาลคนดังกล่าว เนื่องจากการกระทำดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เกรงว่าจะเกิดความขัดแย้งบานปลาย และอาจจะนำไปสู่ความรุนแรง ทั้งนี้ ในจังหวัดกระบี่ ชาวไทยพุทธ และมุสลิมอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสันติไม่เคยมีความขัดแย้งในเรื่องเกี่ยวกับศาสนาแต่อย่างใด ซึ่งในปัจจุบัน ชาวไทยมุสลิมมีอยู่ในจังหวัดกระบี่ 48% ของประชากรทั้งจังหวัด จึงได้มายื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เพื่อช่วยหาแนวทางในการแก้ปัญหาอบย่างสันติวิธี
นายประสิทธิ์ โอสถานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวภายหลังรับหนังสือร้องเรียนพร้อมกล่าวว่า ได้สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยสรุป ในเบื้องต้น ตนมองว่าผู้ที่กระทำการด่าทอไม่เข้าใจในการอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีวัฒนธรรมแตกต่างกัน ศาสนาต่างกัน ซึ่งเรื่องนี้จะประสานไปยังนายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ และคณะผู้บริหารมาร่วมกันหารือ และทำความเข้าใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อหาทางแก้ปัญหาไม่ให้บานปลาย แต่อย่างไรก็ตาม การใช้ถ้อยคำที่หยาบคายด่าทอคนต่างศาสนานั้นเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง การที่คนต่างศาสนาอาศัยอยู่ร่วมกันในสังคมต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน
นายสุพรรณ ภูมิภมร สมาชิกสภาเทศบาลเมืองกระบี่ กล่าวยอมรับว่า ได้กระทำการด่าทอจริง แต่ทำไปเพราะด้วยความโกรธ เพราะช่วง 2-3 วันก่อนเกิดเหตุ ลูกชายของตนซึ่งยังเล็กอยู่ไม่สบายอย่างหนัก ทำให้ต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ปรากฏว่า ในช่วงเวลาดังกล่าวมีเสียงดังออกมาจากมัสยิดพอดี ทำให้เกิดความรำคาญเป็นอย่างมาก จึงได้เปิดประตูบ้านพร้อมตะโกนด่าออกไปเพื่อให้ลดการใช้เสียง ทั้งนี้ ที่ผ่านมาก็ได้แจ้งให้ทางโต๊ะอิหม่ามมัสยิดดังกล่าวรับทราบแล้ว เพื่อให้ลดการใช้เสียง หรือหยุดการใช้เสียงในช่วงเวลาดังกล่าว ตนไม่มีอะไรแอบแฝง