xs
xsm
sm
md
lg

ถ้ายังแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ จะยังมีศพครูที่ 159 สังเวยไฟใต้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รมช.ศึกษาฯ ร่วมพิธีพระราชทานดินฝังศพครูชลธี เจริญชล ครูในชายแดนใต้ที่ตกเป็นเหยื่อคมกระสุนของกลุ่มผู้ไม่หวังดีรายที่ 158 นับตั้งแต่เกิดเหตุไฟใต้ระลอกใหม่ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา
 
โดย...ไม้  เมืองขม
 
 
“ครู” คือผู้สร้างอนาคตของชาติ และโรงเรียนของรัฐคือ “สัญลักษณ์” ของรัฐไทย ดังนั้น ในสงครามการก่อการร้าย หรือ “สงครามประชาชน” ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ “ครู” และ “โรงเรียน” คือ “เหยื่อ” ของสถานการณ์ที่ฝ่ายตรงข้ามมีเป้าในการทำลาย เช่นเดียวกับการทำลาย “สัญลักษณ์” อื่นที่สื่อความหมายของการเป็น “รัฐไทย” เช่น วัด พระภิกษุสงฆ์ สถานที่ราชการ และอื่นๆ
 
ล่าสุด ครูศพที่  158 รายในรอบ 9 ปีของสถานการณ์การก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือคิวของครู “ชลธี เจริญชล” ซึ่งเป็นครูโรงเรียนบ้านตันหยง หมู่ที่ 4 ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ที่ถูก 4 แนวร่วมอาร์เคเคพรางตัวเป็นเหมือนผู้ปกครองนักเรียน เข้าไปในโรงอาหารของโรงเรียน ที่เพื่อนครู และนักเรียน 292 คนกำลังเตรียมอาหารเที่ยง ก่อนที่จะใช้ยมทูตขนาด 9 มม.ปลิดชีพครูชลธี ท่ามกลางสายตาของเพื่อนครู และนักเรียน โดยไม่มีใครช่วยเหลือได้ทัน
 
ย้อนกลับไปดูที่มาของการฆ่าครูใต้ครั้งนี้ ซึ่งครูได้กลายเป็นเหยื่อของสถานการณ์ครั้งใหม่ตั้งแต่ปลายปี 2555 เป็นต้นมา หลังจากครูโรงเรียนธรรมวิทยา ซึ่งเป็นครูมุสลิมถูกยิงในพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี และกรรมการอิสลามผู้หนึ่งถูกยิงเสียชีวิตที่ อ.ยะหา จ.ยะลา ครูในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายข่าวเริ่ม “กระสา” ถึงความไม่ปลอดภัยของครูในพื้นที่ เพราะมีการประกาศ และมีใบปลิวจากขบวนการแบ่งแยกดินแดน กล่าวหาว่า การเสียชีวิตของครูโรงเรียนธรรมวิทยา และการเสียชีวิตของกรรมการอิสลาม จ.ยะลา เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ และมีการประกาศแก้แค้นด้วยการเอาชีวิตของครูไทยพุทธเป็นการตอบแทน
 
ต่อมา ครูไทยพุทธในพื้นที่ เช่น ผอ.โรงเรียนที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ถูกยิงเสียชีวิต ผอ.และครูของโรงเรียนในพื้นที่ อ.มายอ จ.ปัตตานีถูกอาร์เคเคบุกเข้าไปยิงในโรงอาหาร 2 ศพ เช่นเดียวกับครูชลธี และครูในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ถูกยิงเสียชีวิตหนึ่งราย และบาดเจ็บ 1 ราย อีกทั้งยังมีการพยายามฆ่าครูอีก 2 ราย ในระหว่างเดินทางไปโรงเรียนที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ซึ่งโชคดีที่ครูทั้ง 2 ราย เพียงแค่บาดเจ็บ นั่นคือเหตุการณ์ก่อนที่ครูในพื้นที่ 3 จังหวัดจะกลายเป็น “เป้า” ครั้งใหญ่ของอาร์เคเคตั้งแต่ปลายปี 2555 จนถึงปัจจุบัน
 
ที่ผ่านมา หน้าที่คุ้มครองครูเป็นหน้าที่หลักของ “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ซึ่งจะมีการประชุมร่วมกับสมาพันธ์ครู 3 จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ฝ่ายปกครองและตำรวจ ในการทำแผนคุ้มครองความปลอดภัยของครู ตั้งแต่การจัดกำลังรับครูจากจุดนัดพบไปส่งตามโรงเรียนต่างๆ ที่เป็นพื้นที่เสี่ยง และจัดกำลังเพื่อส่งครูจากโรงเรียนกลับสู่ที่พัก รวมทั้งมีการวางกำลังบนถนนสายหลักในช่วงเช้า และเย็นเพื่อให้ครูเดินทางอย่างปลอดภัย รวมทั้งการจัดกำลังประจำในโรงเรียนที่เป็นพื้นที่สีแดง หรือในจุดเสี่ยงตามที่ผู้บริหารโรงเรียนต้องการ และจะมีการประชุมปรับแผนใหม่ทุกครั้งที่ครูเสียชีวิต แต่สุดท้ายแผนทุกแผนก็ไม่สามารถป้องกันชีวิตครูไว้ได้
 
ที่ผ่านมา การทำร้ายครู การฆ่าครูของอาร์เคเคจะอาศัยช่องว่างที่ครูบางคนเดินทางคนเดียว ไม่ร่วมในขบวนการของการ รปภ. เพราะครูเหล่านั้นเชื่อมั่นในความดี เชื่อมั่นในความเป็นลูกหม้อว่าไม่มีศัตรู แต่สุดท้าย คนดีและความดี รวมทั้งการเป็นลูกหม้อก็ไม่ได้ช่วยให้ครูพ้นจากคมกระสุน ซึ่งในการเกิดเหตุทุกครั้งเมื่อสมาพันธ์ครูกล่าวหาว่า กอ.รมน.ป้องกันชีวิตครูไม่ได้ กอ.รมน.ก็จะอ้างว่าที่ป้องกันไม่ได้เป็นเพราะครูที่ตกเป็นเหยื่อออกนอกเส้นทาง ไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ และไม่เชื่อเจ้าหน้าที่ จนกลายเป็นข้อโต้แย้งที่วิวาทะกันมาตลอด 9 ปีของสถานการณ์การก่อการร้ายที่เกิดขึ้น
 
แต่วันนี้ สถานการณ์ของความรุนแรงได้พัฒนาการไปอีกขั้นหนึ่ง นั่นคือ อาร์เคเคเปลี่ยนแผนโดยใช้กำลังฆ่าครูในโรงเรียน แทนการดักฆ่ากลางทาง ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกของ 9 ปี เพราะก่อนหน้านี้เมื่อหลายปีก่อน อาร์เคเคเคยบุกยิงครูถึงห้องพักครูมาแล้ว 2 ครั้ง มีครูเสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยม 3 รายด้วยกัน เพียงแต่การปฏิบัติการแบบนั้นหยุดไปหลายปี จนมาถึงการบุกยิงครู 2 ศพในโรงอาหารที่โรงเรียน อ.มายอ จ.ปัตตานี และล่าสุดคือ รายของครูชลธี เจริญชล ที่อาร์เคเคกลับมาใช้วิธีบุกฆ่าครูต่อหน้าเพื่อนครู และนักเรียน
 
เหตุผลที่อาร์เคเคต้องลงมือกับครูชลธี เพราะครูชลธีนอกจากทำหน้าที่ครูแล้ว ยังเป็นโฆษกงานต่างๆ ในพื้นที่ และเป็นนักพากย์มวยที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักและเป็นที่รักของคนในพื้นที่ ในขณะที่พื้นที่ ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะคือพื้นที่สีแดง และที่ผ่านมาครูชลธี ซึ่งเป็นครูที่นับถือศาสนาอิสลาม ได้มีส่วนในการชักนำเยาวชนผู้หลงผิดให้กลับตัวกลับใจสู่แสงสว่าง ดังนั้น ครูชลธีจึงตกเป็นหมายของของอาร์เคเค เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่อีกหลายคน สายข่าวอีกจำนวนมากในพื้นที่ที่ต้องระมัดระวังตนเอง
 
หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ระบุอย่างมั่นใจว่า “แนวร่วม” ที่เป็นอาร์เคเคที่พรางตัวเป็นผู้ ปกครองนักเรียนเข้าไปจ่อยิงครูชลธีคือ “นายอิสมาแอ” เป็นผู้ลั่นไกปืน “นายมาหามะ” เป็นผู้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี “นายมะรอโซ” และ “นายโซ๊ะกูนิง” เป็นผู้ร่วมขบวนการ ส่วนอาวุธปืนที่ใช้เป็นอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกอาร์เคเคยิงเสียชีวิต และชิงอาวุธปืนไปเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามอาร์เคเคเหล่านี้ ซึ่งเชื่อว่ายังอยู่ในพื้นที่
 
หลังเกิดเหตุ สมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้สั่งปิดโรงเรียน 378 โรงโดยไม่มีกำหนด และเรียกร้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบติดตามจับคนร้ายโดยเร็ว พร้อมปรับแผนการ รปภ.ครูและโรงเรียนให้มีการเสริมกำลังเจ้าหน้าที่หลักเพื่อร่วมกับ ชรบ.ในการ รปภ.โรงเรียน ให้ กอ.รมน.แจ้งเตือนภัยหากมีข่าวการจะยิงครู และมีการหารือเพื่อจัดตั้ง “กองกำลังพิทักษ์ครู” เพื่อ รปภ.ครูโดยเฉพาะ สำหรับรูปแบบของกองกำลังพิทักษ์ครูจะเป็นรูปแบบอย่างไร หลายหน่วยงานจำเป็นที่จะต้องหารือ และต้องทำอย่างเร่งด่วน เพราะเป็นทางออกอีกทางหนึ่งของการ รปภ.ครู และการดำรงไว้ซึ่งการให้การศึกษาแก่ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้
 
และสิ่งที่ทุกหน่วยงานต้องสำเหนียกคือ ไม่ใช่ว่า “ครูไทยพุทธ” เท่านั้นที่ตกเป็นเป้าของอาร์เคเค “ครูมุสลิม” ที่ไม่คล้อยตามอาร์เคเคก็มีจุดจบเช่นเดียวกัน ซึ่งครูชลธีก็ไม่ใช่ครูมุสลิมคนแรกที่เป็นเหยื่อการก่อการร้าย
 
วันนี้เรากำลังหลงประเด็นในการแก้ปัญหา การทำร้ายครูด้วยการเสนอให้ครู ตชด.มาสอนนักเรียน ด้วยการให้ทหารมาเป็นครู หรือนำบัณฑิตอาสาทำหน้าที่สอนแทน เพราะเป็นการ “แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ” 
 
คิดหรือว่า ครู ตชด. ครูทหาร และครูบัณฑิตอาสาจะไม่เป็นเป้าของอาร์เคเคถ้ามาทำหน้าที่แทน และอาจจะเป็นเป้าใหญ่ที่มีนักเรียนตกเป็นเหยื่อด้วย เพราะเป้าหมายของอาร์เคเคคือ 1.ทำร้ายครู ฆ่าครู และเผาโรงเรียน เพราะครู และโรงเรียนเป็นสัญลักษณ์ของรัฐไทย 2.ก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยมเพื่อสถาปนาความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นเพื่อควบคุมประชาชน 3.ทำให้ทุกภาคส่วนเห็นถึงความล้มเหลวของกองทัพ และระบบราชการ เพื่อทำลายขวัญ และกำลังใจของคนในพื้นที่ และ 4.ทำลายการศึกษาในพื้นที่ เพื่อให้เกิดความอ่อนด้อยทางการศึกษา เพราะการครอบงำเยาวชนนั่นคือเป้าหมายหลัก นั่นคือธงของขบวนการแบ่งแยกดินแดน “บีอาร์เอ็นโคออดิเนต”
 
ดังนั้น วันนี้กระทรวงศึกษาธิการ กองทัพ หรือ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ศอ.บต. กรมการปกครอง รวมถึง ศชต. ทุกหน่วยงานต้องประชุมหารือให้ได้แนวนโยบายในการคุ้มครองครู เพื่อให้ครูอาชีพสามารถอยู่ในพื้นที่ได้อย่างปลอดภัย และทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อคงไว้ซึ่งอำนาจรัฐ คงไว้ซึ่งระบบการศึกษาของประเทศ นี่ต่างหากคือสิ่งที่รัฐบาลต้องทำ และทำอย่างเร่งด่วนที่สุด ก่อนที่จะมีครูศพที่ 159 เกิดขึ้นในแผ่นดินปลายด้ามขวาน
 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น