ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - คู่รักมุสลิมชาวมาเลเซียนิยมพามากันมานิกะฮ์ หรือแต่งงานตามหลักอิสลามที่มัสยิดกลางประจำ จ.สงขลา วันละเกือบ 30 คู่ทุกวัน ทั้งคู่บ่าวสาวโสด ภรรยาคนที่ 2, 3, 4 และชาวมาเลเซียที่แต่งงานกับสาวไทย
วันนี้ (24 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่มัสยิดกลางประจำ จ.สงขลา ซึ่งเป็นที่ทำการของสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.สงขลา ได้กลายเป็นสถานที่คู่รักมุสลิมชาวมาเลเซียนิยมพากันมาประกอบพิธีนิกะฮ์ หรือแต่งงานตามหลักศาสนาอิสลามกันเป็นจำนวนมาก โดยในแต่ละวัน จะมีคู่รักชาวมาเลเซียมาประกอบพิธีนิกะฮ์อย่างน้อย 10- 30 คู่
โดยทางคณะกรรรมการอิสลามประจำ จ.สงขลา ได้จัดห้องเพื่อใช้สำหรับประกอบพิธีนิกะฮ์ไว้โดยเฉพาะ รวมทั้งจัดซุ้มดอกไม้รูปหัวใจไว้หน้าห้องเพื่อให้คู่บ่าวสาว และญาติได้ถ่ายรูปคู่ไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งบรรยากาศในแต่ละวันจะมีคู่บ่าวสาว และญาติมารอคิวเข้าพิธีนิกะฮ์ตลอดทั้งวัน โดยมีคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.สงขลา ทำพิธีนิกะฮ์ให้ ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติแ ละหลักการทางศาสนาอิสลามทุกอย่าง
นายเฉ็ม เหมมัน รองประธานคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.สงขลา เปิดเผยว่า คู่บ่าวสาวชาวมาเลเซียที่มาทำพิธีนิกะฮ์ที่มัสยิดกลางประจำ จ.สงขลา มีทั้งคู่บ่าวสาวที่โสด หญิงหม้าย และผู้ชายที่แต่งงานภรรยาคนที่สอง คนที่สาม และคนที่สี่ โดยการทำพิธีนิกะฮ์จะเสียค่าใช้จ่ายเพียงแค่ค่าเอกสารเท่านั้น ส่วนการทำพิธีจะไม่คิดค่าใช้จ่าย
นายเฉ็ม กล่าวอีกว่า เหตุที่คู่รักชาวมุสลิมมาเลเซียนิยมมานิกะฮ์ที่มัสยิดกลางประจำ จ.สงขลา โดยเฉพาะกรณีฝ่ายชายที่ต้องการมีภรรยาคนที่สอง คนที่สาม และคนที่สี่ เนื่องจากตามกฎหมายมาเลเซียหากฝ่ายชายต้องการมีภรรยามากกว่า 1 คน จะต้องได้รับความยินยอมจากภรรยาหลวง หรือภรรยาคนแรกเท่านั้น แต่ส่วนใหญ่ภรรยาหลวงมักจะไม่ยอม จึงต้องพากันเดินทางเข้ามานิกะฮ์ที่มัสยิดกลางประจำ จ.สงขลา
ส่วนกรณีของฝ่ายหญิงนั้นไม่มีปัญหา เพราะหากยินยอมพร้อมใจเดินทางออกจากบ้านเกินกว่า 96 กิโลเมตร ก็สามารถทำพิธีนิกะฮ์ได้โดยไม่จำเป็นต้องให้บิดาทำพิธีนิกะฮ์ให้ เพราะถือว่าเป็นการสมัครใจไม่ได้ถูกบังคับ นอกจากนี้ ยังมีชายชาวมาเลเซียที่มาแต่งงานกับสาวไทยทั้งที่นับถือศาสนาเดียวกัน และต่างศาสนา แต่กรณีที่ฝ่ายชาย หรือหญิงต่างศาสนาจะต้องผ่านพิธีเข้ารับอิสลาม และผ่านการอบรมเรียนรู้วิถีแห่งอิสลามให้เข้าใจเสียก่อน
สำหรับพิธีนิกะฮ์ที่จัดขึ้นเป็นแบบเรียบง่ายแต่ถูกต้องหลักการของศาสนาอิสลามทุกอย่าง และหลังเสร็จพิธีจะมีสีสันบ้างเล็กน้อย โดยเจ้าบ่าวมอบเงินสินสอด สวมแหวน และสวมกอด หรือหอมกันตามประสาคู่รัก และถ่ายรูปร่วมกับญาติๆ ที่ซุ้มหัวใจหน้าห้องประกอบพิธี หลังจากเสร็จพิธี ทางสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำ จ.สงขลา ก็จะออกหนังสือรับรองการแต่งงานให้ และจะประสานไปยังกงสุลมาเลเซียประจำ จ.สงขลา เพื่อยืนยันว่าคู่บ่าวสาวได้ยินยอมพร้อมใจแต่งงานกันอย่างถูกต้อง
นายเฉ็ม กล่าวว่า นอกจากจะปฏิบัติตามหลักการของศาสนาอิสลามที่ถูกต้องแล้ว การที่คู่บ่าวสาวมุสลิมชาวมาเลเซียมาทำพิธีนิกะฮ์ จะเป็นหนึ่งในแนวทางการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของมัสยิดกลางประจำ จ.สงขลา เพราะนอกเหนือจากคู่บ่าวสาวชาวมาเลเซียแล้ว ยังมีคู่บ่าวสาวอีกหลายประเทศที่เป็นมุสลิม เช่น อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และบรูไน ที่พากันมานิกะฮ์ที่มัสยิดกลางประจำ จ.สงขลา และส่วนใหญ่จะมาเป็นครอบครัวใหญ่ ทั้งญาติ และเพื่อนๆ โดยจะนิยมฮันนีมูนกันที่ จ.สงขลา ซึ่งจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวด้วย
