โดย...วันชัย พุทธทอง
“ผมคิดว่าความผิดพลาดอยู่ที่รัฐบาล ที่ไม่มีความชัดเจนมากพอ กลายเป็นเวลาที่หายไป โครงการเช่นนี้รัฐบาลและท้องถิ่นต้องชัดเจนถึงผลได้ ผลเสีย นำมาพิจารณา ผู้ประกอบการต้องมีความชัดเจน เป็นความบกพร่องของนโยบายส่วนหนึ่ง ทำให้นักลงทุนเสียโอกาส ส่วนข้อกังวลเรื่องสิ่งแวดล้อมนั้น ผมคิดว่ายุคนี้กระบวนการทางวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าจะช่วยป้องกันได้ ถือเป็นบทเรียนของนักลงทุนที่สำคัญ ในอนาคตระยะยาวนั้น ผู้ลงทุนรายใหม่จะต้องระมัดระวัง และจะต้องเพิ่มพื้นที่การสื่อสารกับชาวบ้านให้มากขึ้น ซึ่งต้องบอกว่านครศรีธรรมราชยังพร้อมต้อนรับนักลงทุน ยอมรับว่ามันเป็นการเสียโอกาสครั้งสำคัญ โครงการนี้จะทำให้มีเงินหมุนเวียนถึงกว่า 3 หมื่นล้านบาท การจ้างงานที่ตามมาอย่างเป็นระบบ”
ข้อความที่ยกมาเป็นความคิดเห็นของ นายบุญทวี ริเริ่มสุนทร ประธานหอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่แสดงความเห็นผ่านสื่อหลังจาก บรรษัทเชฟรอนฯ ประกาศยกธงขาวยอมแพ้ให้คนริมอ่าวท่าศาลา
เมื่อพิจารณาแล้วเหมือนกับคำพูดที่ผู้ว่าราชการจังหวัดพูดไม่มีผิด เป็นชุดคำพูดเชยๆ ตื้นๆ หากเป็นการพูดเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมาอาจมีคนตื่นเต้น แต่สำหรับวันนี้ผมคิดว่าเป็นคำพูดที่น่าสงสาร เป็นแผ่นเสียงตกรองไร้สาระสิ้นดี เป็นพวกเห็นแก่ตัว
วันนี้ปี 2556 การใช้คำพูดที่อาจจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจที่ยังยืน ระบบนิเวศน์และวิถีชีวิตของผู้คนในวงกว้าง การพูดต้องมีข้อมูลอ้างอิงอย่างมีหลักวิชาการรองรับ โดยเฉพาะคนที่มีตำแหน่งแห่งที่ยิ่งต้องระวังคำพูดอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นคำพูดจะเป็นนายคุณเอง และจะไม่ส่งผลดีต่อความเชื่อถือ เป็นการลดเครดิต
ประเด็นน่าสนใจ หากสืบค้นไปยังโคตรเหง้าของคนเหล่านี้ที่สร้างตนเอง สร้างครอบครัวขึ้นมาได้ มีกี่คนที่เติบโตมากจากใบบุญของบรรษัทเชฟรอนฯ กล้ายืนยันว่าไม่มีแม้แต่คนเดียว แต่คนเหล่านี้เติบโตขึ้นมาจากการรับชื้อขี้ยาง ยางแผ่น แร่ ทุเรียน มังคุด ขายปลาจากอ่าวท่าศาลา อ่าวนคร อ่าวปากพนังทั้งนั้น
เป็นการสร้างตัวขึ้นมาจากรุ่นพ่อแม่ ไม่ใช่คนรุ่นนี้แน่นอน คนเหล่านี้เพียงรับใบบุญจากรุ่นพ่อแม่เท่านั้น เพราะโตมาก็เรียนหนังสือ ใช้จ่ายเงิน เมื่อเรียนจบมาก็มาทำอวดภูมิรู้ ไม่เคยลงแรงทำงานอย่างจริงจัง อย่างดีก็เป็นเพียงนายหน้าขายที่ดิน หากเกิดโครงการขึ้นมาจริง หรืออาจจะชื้อที่ดินไว้ขายฟันกำไรแล้วเป็นจำนวนมาก เมื่อโครงยกเลิกจึงโวยวาย
คนเนรคุณแผ่นดินเกิดไม่เป็นผลดีแน่นอน อย่างแรก ไม่รู้จักบุญคุณแผ่นดินที่พ่อแม่ได้อาศัยก่อร่างสร้างตัวกันมาได้จนถึงวันนี้ เพราะฐานทรัพยากรดังที่กล่าวมา แต่ไม่เข้าใจ เพราะไม่เคยลงแรง เพราะชีวิตเติบโตมาแต่ในห้องเรียนสี่เหลี่ยม การศึกษาส่งผลให้มีความคิดคับแคบ มองเพียงสิ่งที่ตนเองจะได้ประโยชน์เฉพาะหน้าไปวันๆ
เพื่อชี้ให้เห็นว่า ชุมชนต่างๆ ไม่ได้หยุดนิ่งตายตัวตามที่ประธานหอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราชเข้าใจ จึงขอยกตัวเลขมูลค่าทางเศรษฐกิจในแบบเฉพาะที่ชอบอ้างกันเป็นข้อมูล เริ่มจาก “บ้านในถุ้ง” อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เป็นข้อมูลที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ชาวประมงในชุมชนได้เก็บรวบรวมขึ้นมา โดยมีทีมนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยลักษณ์เป็นที่ปรึกษา ช่วยตรวจสอบความถูกต้อง
ในชุมชนมีการจ้างงานต่อเนื่องจากการทำประมงขนาดเล็ก 1,175 คน คิดเป็นมูลค่าการจ้างงาน 331,500 บาท หากคิดเป็นเดือน จะคิดเพียง 20 วัน เป็นจำนวนเงิน 6,630,000 บาท หากคิดเป็นปีจะคิดเพียง 10 เดือน เป็นเงิน 66,300,000 บาท
หากลงไปดูในรายละเอียดจะพบว่า มีแพปลาวัชรีจ้างแรงงานจำนวน 5 คน ค่าแรง 300 บาทต่อวัน รวมค่าจ้างต่อวัน 1,200 บาท มีการจ้างแรงงานปลดปลาจากอวนในชุมชน 100 คน ค่าแรง 150 บาทต่อวัน ทำงานประมาณ 2 ชั่วโมง รวมค่าจ้าง 15,000 บาท มีธุรกิจปลาแห้ง จ้างคนตากปลา 6 คน ค่าแรงคนละ 200 บาท
มีแพโรงปลา-แกะปู จ้างแรงงาน 50 คน ค่าจ้างคนละ 300 บาท รวมค่าจ้างต่อวัน 15,000 บาท แพปลาจวด จ้างแรงงาน 4 คน ค่าแรงงาน 300 บาทต่อคน รวมค่าจ้าง 1,200 บาท มีการจ้างผูกอวน 120 คน ค่าจ้าง 300 บาทต่อคนต่อวัน รวมค้าจ้าง 36,000 บาท
มีเรือประมง 280 ลำ รายได้ของเจ้าเรือวันละ 1,000 บาท จ้างแรงาน 500 คน ค่าจ้าง 200 บาทต่อวัน รวมค่าจ้าง 252,000 บาท
ที่ต้องยกตัวเลขมาให้เห็นเพื่อต้องการชี้ให้เห็นว่า บรรษเชฟรอนฯ ไม่ได้ยอมแพ้โดยไม่มีเหตุผลรองรับ แต่เชฟรอนฯ ยอมแพ้เพราะเชฟรอนฯ ไม่สามารถตอบคำถามได้ว่า หากเชฟรอนฯ มาปักเสาเข็มในอ่าวท่าศาลา แล้วเชฟรอนฯ จะสร้างงานตรงไหน จำนวนคนกี่คน และมีมูลค่าทางเศรษฐกิจเท่าใด
ที่อ้างว่าเชฟรอนฯ จะจ้างงาน 200 กว่าคนตามที่เขียนใน EIA และหรือ EHIA นั้น ตรวจสอบแล้วเป็นเท็จ เชฟรอนฯ จึงยอมแพ้กับข้อเท็จจริง
และขอถามไปถึงนายบุญทวี ริเริ่มสุนทร ประธานหอการค้าจังหวัดนครศรีธรรมราชว่า สิ่งที่คุณพูดนั้น คิดจากฐานคิดอะไร