นราธิวาส - ผบ.ตร.เยี่ยมกำลังพลในพื้นที่จังหวัดนราธิวาสช่วงปีใหม่ สั่งกำชับพร้อมปกป้อง เผยเตรียมเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 4,000 นาย โดยเน้นการสอบสวนสืบสวน
เมื่อเวลา 12.20 น.วันนี้ (30 ธ.ค.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ และคณะ ได้เดินทางไปที่บริเวณด้านหน้ากองบังคับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส โดยมี พล.ต.ต.อดุลย์ เกษมวงศ์ ผบก.ภ.จ.นราธิวาส ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ เพื่อตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจกำลังพลเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ จ.นราธิวาส เนื่องในช่วงโอกาสจะขึ้นปีใหม่ปี 56 โดยได้มอบสิ่งของ และเงินเพื่อบำรุงขวัญเจ้าหน้าที่อีกส่วนหนึ่ง
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้กล่าวให้โอวาทแก่กำลังพลซึ่งให้การต้อนรับกว่า 500 นาย ว่า นโยบาย 3 ข้อหลักที่ตนได้สั่งการตั้งแต่ปี 48 ให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ตั้งแต่ระดับบังคับบัญชา และระดับกำลังพลที่ทำงานในพื้นที่ 3 จ.ชายแดนภาคใต้ คือ 1.การรักษาอำนาจให้เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ เป็นที่ไว้วางใจกับประชาชน 2.การบังคับใช้กฎหมายให้ดี และไม่สร้างเงื่อนไขจนละเมิดสิทธิมนุษยชน และ 3.หลักการดึงมวลชนให้เป็นมิตร และตำรวจต้องสร้างแบบอย่างความศรัทธาให้เกิดขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ตนขอชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกหน่วยที่ทำงานอย่างต่อเนื่อง และสามารถกดดันกลุ่มคนร้าย จนคดีความมั่นคงที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในพื้นที่ จ.นราธิวาส สถิติการบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากความรุนแรงลดลงไปมาก ทั้งนี้ พล.ต.อ.อดุลย์ ได้อวยพรปีใหม่ให้แก่กำลังพลว่า จงตั้งใจทำงาน และมีความสุขในปีใหม่ และต้องไม่ประมาทต่อสถานการณ์ในพื้นที่อย่างเด็ดขาด
ต่อมา พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า คดีในพื้นที่ 3 จ.ชายแดนภาคใต้ มีจำนวนมากหลายคดี ซึ่งได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนอย่างละเอียด เพื่อแยกคดีความมั่นคง และคดีขัดแย้งส่วนตัว หรืออื่นๆ ซึ่งจะต้องเร่งรัดเพื่อให้มีการดำเนินคดีอย่างเป็นรูปธรรม แต่เนื่องจากคดีมาก ทำให้พนักงานสอบสวนมีไม่เพียงพอ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจำเป็นที่จะต้องเสริมกำลังเข้ามาทำหน้าที่อีก 4,000 นาย กำลังพลทั้งหมดจะถูกส่งมาปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จ.ชายแดนภาคใต้ เป็นกำลังเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ อีกส่วนหนึ่งเป็นกำลังพลดูแลคดีการสอบสวน และสำนวนคดี ซึ่งในราวเดือนพฤษภาคม กำลังทั้งหมดจะถูกส่งมา ขณะนี้อยู่ระหว่างฝึก และเรียนอยู่
ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยช่วงปีใหม่ ได้กำชับทุกฝ่ายทำงานในลักษณะบูรณาการเพื่อเป็นเอกภาพ ไม่ว่าจะร่วมมือกับทหาร ฝ่ายปกครอง และส่วนราชการอื่น โดยเฉพาะในวันที่ 4 ม.ค. จะครบรอบเหตุการณ์คนร้ายปล้นอาวุธปืนจากกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (ค่ายปิเหล็ง) เมื่อวันที่ 4 ม.ค.47 และจะเข้าปีที่ 9 ในปี 56 เจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติหน้าที่เพื่อกดดันคนร้ายให้มากขึ้น เพื่อไม่เปิดโอกาสให้คนร้าย หรือบั่นทอนศักยภาพขีดความสามารถของคนร้ายให้ลดเหลือน้อยที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.55 เจ้าหน้าที่สามารถยึดอาวุธปืนที่คนร้ายปล้นไปกลับมาได้อีก 11 กระบอก ยุทโธปกรณ์อีกจำนวนมาก ถือเป็นความคืบหน้าของเจ้าหน้าที่
รายงานจากฝ่ายความมั่นคงแจ้งว่า เหตุปล้นปืนตั้งแต่ปี 47 ที่ผ่านมานั้น ถึงปัจจุบัน มีอาวุธปืนถูกปล้นชิงจากกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดราว 1,650 กระบอก แยกเป็นปืนจากกองพัฒนา 4 จำนวน 413 กระบอก ฐานพระองค์ดำ เมื่อวันที่ 19 ม.ค.54 จำนวน 65 กระบอก นอกจากนั้นที่เหลือคนร้ายปล้น และจี้จากคดีอื่นๆ