นราธิวาส - 9 ปีไฟใต้ระลอกใหม่ที่นับจุดเริ่มจากเหตุปล้นปืนค่ายทหารปี 2547 เผยยึดปืนที่ถูกปล้นไปทั้งสิ้น 413 กระบอกกลับมาได้แล้ว 94 กระบอก และจับคนร้ายได้ 2 คน จากที่มีหมายจับ 11 คน เชื่ออาวุธที่ถูกปล้นยังกระจายอยู่ในหลายอำเภอของ จ.นราธิวาส
วันนี้ (4 ม.ค.) ซึ่งเป็นวันครบรอบ 9 ปีเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายบุกปล้นปืนกองพันพัฒนาที่ 4 ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (ค่ายปิเหล็ง) อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส และมีการสังหารโหดทหารเสียชีวิต 4 นายคือ 1.จ.ส.อ.เสนาะ อินทร์สำเภา 2.จ.ส.อ.จำแลง พูนสวัสดิ์ 3.จ.ส.อ.ประพันธ์ เติ้งเพ่ง และ 4.จ.ส.อ.สุรินทร์ กาญจนะ โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 ม.ค.2547 ที่ผ่านมานั้น
พล.ต.ต.วิชัย เกษมวงศ์ ผบก.ภ.จ.นราธิวาส ได้สั่งการไปยัง ผกก. รอง ผกก. สวญ.ทั้ง 19 สถานีในพื้นที่ 13 อำเภอ เฝ้าระวังสถานการณ์ร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงนี้ ด้วยการสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหาร และฝ่ายปกครอง จัดกำลังตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนถนนสายหลัก และสายรอง ด้วยการนำภาพถ่ายของบุคคลที่อยู่ในหมายจับคดีความมั่นคงมาตรวจสอบกับบุคคลที่ขับและขี่ยานพาหนะผ่านไปมา เพื่อเป็นการสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีแฝงตัวก่อเหตุร้ายขึ้นเหมือนกับในช่วงอดีต
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนคดีสำคัญในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ปล้นปืนค่ายทหารครั้งนั้น ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มสถานการณ์ไฟใต้ระลอกใหม่ มีปืนที่หายไปทั้งหมดจำนวน 413 กระบอก ตลอด 9 ปีมานี้ เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดคืนมาได้จากกลุ่มผู้ไม่หวังดีรวม 94 กระบอก แยกเป็นปืนเอ็ม 16 จำนวน 83 กระบอก ปืนพกสั้นขนาด 11 มม. จำนวน 8 กระบอก ปืน เอชเค จำนวน 1 กระบอก ปืน อาก้า จำนวน 1 กระบอก และปืนลูกซอง จำนวน 1 กระบอก
ในส่วนของผู้ต้องหาที่ถูกเจ้าหน้าที่ออกหมายจับคดี ป.วิ อาญาที่ร่วมกันบุกปล้นปืนมีจำนวน 11 คน ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้แล้ว 2 คนคือ นายมะซูกี เซ้ง และ นายซาอีซูน อับดุลรอฮะ โดยอาวุธปืนที่ถูกปล้นไปครั้งนั้นส่วนใหญ่คนร้ายได้นำไปใช้ก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ปี 2547-2555 มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนทั้งสิ้น 13,660 ราย โดยไม่รวม 4 อำเภอของ จ.สงขลา
ในจำนวนนี้แยกได้เป็นผู้เสียชีวิต 4,589 ราย แยกเป็นไทยพุทธ 2,098 ราย มุสลิม 2,751 ราย ไม่สามารถระบุศาสนาได้ 131 ราย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 9,071 ราย แยกเป็นไทยพุทธ 5,703 ราย มุสลิม 2,865 ราย ไม่สามารถระบุศาสนาได้ 503 ราย
ล่าสุด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายใต้การนำของ พ.อ.ไพศาล หนูสังข์ ผบ.กรมทหารพรานที่ 46 ซึ่งเป็นหัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจ ที่ร่วมสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง กำลังติดตามสืบสวนสอบสวนคดีเกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์บุกปล้นปืนดังกล่าว เชื่อว่าอาวุธปืนที่เหลือกลุ่มคนร้ายยังคงกระจายให้กองกำลังติดอาวุธระดับปฏิบัติการนำไปครอบครองไว้ในพื้นที่ต่างๆ ของทั้ง 13 อำเภอของ จ.นราธิวาส โดยเฉพาะ อ.เจาะไอร้อง อ.จะแนะ และ อ.ระแงะ
