คอลัมน์ : ฝ่าเกลียวคลื่น
โดย...บรรจง นะแส
“ที่สวนสองทะเลใกล้ท่าเทียบแพขนานยนต์ใช้งบหลวงสร้าง แล้วให้เช่าราวสิบปี ผู้เช่าคือพวกเขา สมควร คุณธรรม ค่าเช่าราวเจ็ดพันบาทต่อเดือน ได้ทั้งร้านอาหาร และท่าเรือท่องเที่ยว ค่าเช่าถูกกว่าที่แม่บ้านโรงแรมสุขสมบูรณ์ 2 เช่าอยู่อีก ผมยอมจ่ายค่าเช่า 20,000 บาทต่อเดือนเลย ต่อสัญญาปีต่อปีก็ได้ ไม่ต้องสิบปีหรอก เอาไว้นอนเล่น สูบบุหรี่ แล้วเก็บค่าจอดเรือก็คุ้มแล้ว”
นี่คือคำพูดหนึ่งที่ท่านพีระ ตันติเศรณี นายกเทศมนตรีนครเมืองสงขลา ได้เขียนถึงคนสงขลาในเฟซบุ๊กของเขาเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2555 ก่อนที่เขาจะถูกปลิดชีวิตด้วยอาวุธสงครามตายบนถนนนครใน ใจกลางเมืองสงขลา เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ท่ามกลางความอาลัยของผู้คน และก่นด่าสาปแช่งผู้ที่กระทำการต่อเขาอย่างอำมหิต และเลือดเย็น
การใช้งบประมาณแผ่นดินไปก่อสร้างโครงการต่างๆ แล้วนำมาจัดสรรหาผลประโยชน์กันในหมู่พวกพ้อง คือสิ่งที่เกิดขึ้นทั่วไปของการบริหารงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ของประเทศนี้ โดยเฉพาะองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีงบประมาณจำนวนมาก ซึ่งเทศบาลนครสงขลาก็หาได้หลุดรอดจากวงจรอุบาทว์นั้นก็หาไม่
หลังจากที่ท่านนายกฯ พีระ ตันติเศรณี ได้รับการเลือกตั้งให้เข้าไปบริหารเทศบาลนครสงขลา ท่านได้พยายามที่จะกำจัดการแสวงหาผลประโยชน์จากพวกนักการเมือง และพวกพ้องออกไป มีรายละเอียด มีตัวอย่างมากมายที่กลุ่มผลประโยชน์เข้าไปทำมาหากินกับงบประมาณของแผ่นดิน ผ่านกลไกทางการเมืองที่หมู่พวกมีอำนาจในการบริหารจัดการ
“ลานดอกแก้ว” เป็นอีกหนึ่งกรณีที่มีการดำเนินการนำเอางบประมาณของแผ่นดินไปพัฒนาพื้นที่ แล้วให้พรรคพวกเพื่อนฝูงของนักการเมืองเข้าไปทำมาหากิน ซึ่งคุณพีระ ไม่ยินยอม นำไปสู่อีกหนึ่งของความขัดแย้งทางการเมืองในเทศบาลนครสงขลาที่ผ่านมา
ท่านนายกฯ พีระใช้ช่องทางสื่อสารกับภาคประชาชนในการบอกกล่าวสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น กรณีของ “ลานดอกแก้ว” ท่านเขียนอธิบายไว้ว่า
“ใช้งบเทศบาลสร้างครับ รวมทั้งห้องน้ำสาธารณะแถวชายหาด ตอนนั้นเพื่อนผม อุทิศ ชูช่วย เป็นนายกฯ ผมเป็นเทศมนตรี ผมอภิปรายในสภาเสนอเรื่องห้องน้ำ บอกให้ทำเหมือนห้องน้ำที่สนามบิน ส่วนลานดอกแก้วให้เป็นที่นั่งเล่น นวดแผนไทย และการแสดงเปิดหมวกแบบเมืองนอก พอสร้างเสร็จนายกฯ ต้อย (นายอุทิศ ชูช่วย) ให้พรรคพวก แม้แต่คนขับรถมาเช่าถูกๆ”
“ลานดอกแก้วได้ให้ทีมมาสเตอร์พีซเช่าระยะยาว ราวสิบปี และต่อสัญญาเป็นระยะ ค่าเช่าแสนถูกราว 7,000 บาทต่อเดือน พอผมเป็นนายกฯ บอกเซ้งกันราคาสามสี่ล้าน ซึ่งไม่ถูกต้อง จะจัดการเรื่องนี้ครับ ให้เวลาออกตัวมานานแล้ว ทีมนี้คือทีมที่รับงานไวนิลของ อบจ.ขณะนี้ แต่เขามีฝีมือ และทำธุรกิจ สงสารน้องเขาเหมือนกัน เพราะเขาทำธุรกิจ ไม่รู้ถูกรีดไปเท่าไหร่แลกกับงาน”
ท่านนายกฯ พีระได้เปิดตัวละครที่เรียกว่า “มาสเตอร์พีซ” ให้คนสงขลาได้รู้จักว่า คืออีกหนึ่งกลุ่มที่ทำมาหากินกับงบประมาณของแผ่นดินในเมืองสงขลา
“ส่วนห้องน้ำผลประโยชน์ข้างเคียงมหาศาล เป็นอีกเรื่องที่ผมจะจัดการให้เกิดความเป็นธรรม และประโยชน์กับประชาชน แต่ทุกเรื่องต้องอิงกฎหมาย เพราะพอเข้ามา ผมเบรกเรื่องท่าเทียบเรือประมงเก่าที่เขาให้พรรคพวกเขาเช่าไป 30 ปี แล้วจะใช้ขนปูนซีเมนต์ ซึ่งจะทำให้ฝุ่นเต็ม เขาฟ้องผมทั้งศาลปกครอง และศาลอาญา จนผมกลายเป็นจำเลยในศาลเป็นครั้งแรกในชีวิต และคงต้องเป็นจำเลยอีกหลายคดี แต่จำเป็นครับ ต้องทวงเอาทรัพย์สินเหล่านี้คืนมาให้ประชาชน และบริหารให้เกิดความเป็นธรรม และเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะมากที่สุด เรื่องนี้คนสงขลานึกภาพออกครับ แต่คนหาดใหญ่ตกเป็นเหยื่อการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้า”
การนำพื้นที่ “ลานดอกแก้ว” ที่ได้ใช้งบประมาณของแผ่นดินมาพัฒนาสาธารณูปโภคต่างๆ แล้วนำพื้นที่ดังกล่าวออกมาให้เช่ากันในหมู่พรรคพวกในราคาถูกๆ รวมไปถึงพื้นที่ท่าเรือที่มีการเข้าไปหาผลประโยชน์จากกลุ่มผู้ใกล้ชิดนักการเมือง เป็นสิ่งที่ท่านนายกฯ พีระ เข้าไปตรวจสอบเอามาตีแผ่ให้สังคมในเมืองสงขลาได้รับรู้อย่างต่อเนื่อง
และแล้วก็มาถึงอภิโครงการซ่อนรูปอีกหนึ่งโครงการนั่นก็คือ โครงการกระเช้าลอยฟ้า ซึ่งวันนี้คนสงขลาให้ฉายากับโครงการนี้ว่า “โครงการกระเช้าลอยฟ้าสีเลือด” บ้างก็ตั้งชื่อให้ว่า “โครงการกระเช้าลอยฟ้าเปื้อนเลือด” เพราะหลายๆ คนมีความมั่นใจว่าสาเหตุการตายของนายกฯ พีระ คือการเข้าไปขัดขวางผลประโยชน์ของผู้ที่จะเข้าไปทำมาหากินกับโครงการดังกล่าว
สิ่งที่ท่านนายกพีระฝันไว้ก็คือ “อุทยานธรรมชาติป่าสนชายหาดสมิรา แหลมสนอ่อน นครสงขลา (SMIRA BEACH PINE FOREST NATURE PARK)” ท่านพยายามอธิบายไว้ว่า
“ป่าสนธรรมชาติที่เป็นบ้านของคนสงขลา เป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติของเด็ก และจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ แนวเดียวกับ Nami Island ของเกาหลีใต้ มีเส้นทางเดินเท้าอิงธรรมชาติ เส้นทางจักรยาน และระบบรักษาความปลอดภัย มีเต็นท์พักแรม มีแสงสว่าง มีพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาตินครสงขลา ต้นไม้คือ ป่าสนธรรมชาติ ทำแค่แนวทางเดิน วิ่ง และเส้นทางจักรยาน ปัจจุบัน ที่เป็นตัวหนอนแข็งๆ รื้อออกครับ แล้วมีป้ายสื่อความหมายอธิบายพันธุ์ไม้รอบๆ จะมีที่จอดรถ และแนวกันชนที่กว้างมากกันจากพื้นที่อื่น และมุมหนึ่งจะเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาตินครสงขลา (Songkhla City's Natural History Museum) แนวกันชนที่ว่า จะเปิดสู่ชายหาด ที่ที่นั่งชมวิว แล้วมีวงเวียนริมทะเล ...มีระบบรักษาความปลอดภัย เต็นท์ จักรยาน ห้องน้ำสาธารณะ บริการ 24 ชม.”
นี่คือความใฝ่ฝันของคนตัวเล็กๆ ที่ชื่อว่า พีระ ตันติเศรณี ที่อาสาเข้ามาพัฒนาบ้านเมืองอย่างมีวิสัยทัศน์ที่ยาวไกล คิดถึงคุณภาพของผู้คน คิดถึงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์ควรจะอยู่ร่วมกัน ใช้ประโยชน์จากกันอย่างกลมกลืน ฯลฯ และวันนี้เขาต้องเอาชีวิตเข้าแลก เอาเลือดทาพื้นถนน และหาดทราย เพื่อรักษาป่าสนสันทรายชายหาดผืนนี้ไว้
อยากวิงวอนให้ฝ่ายต่างๆ ที่พยายามจะผลักดันให้เกิดโครงการกระเช้าลอยฟ้าขึ้นในพื้นที่ป่าสนสันทรายชายหาดผืนดังกล่าว จงยุติเถอะครับ เพราะวันนี้ โครงการของท่านมันเป็นสีเลือด และเปื้อนเลือดของคนดีๆ อย่าง พีระ ตันติเศรณี ไปหมดแล้ว