xs
xsm
sm
md
lg

“ผอ.หญิง” แจงปัญหาช่อง 11 ป่วน ชี้ยึดระเบียบ-ปกป้องผลประโยชน์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

น.ส.ภาวิณี ศศานนท์ ผอ.สวท.ช่อง 11 สงขลา
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “ภาวิณี ศศานนท์” ผอ.ช่อง 11 สงขลา แจงข้อเท็จจริงหลังบริหารองค์กรเกือบ 2 ปี แต่เกิดปัญหาภายใน และปูดสู่ภายนอก ยอมรับเพิ่งทราบถูกลูกน้องทำหนังสือถึงอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ให้ย้ายออกจริง ก่อนยืนยัน บริหารงานโดยรักษาผลประโยชน์และสร้างความโปร่งใส และขอรักษาภาพลักษณ์ไม่ให้เสียหายไปกว่านี้

สืบเนื่องจากวานนี้ (29 พ.ย.) “ASTVผู้จัดการภาคใต้” ได้นำเสนอข่าวการบริหารงานของผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จังหวัดสงขลา (สทท.สงขลา) ที่มีปัญหาภายในองค์กร กระทั่งนำไปสู่การเสนออธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ให้ย้ายออก ตามรายละเอียดข่าว (http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9550000145765)

วันนี้ (30 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. น.ส.ภาวิณี ศศานนท์ ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย จังหวัดสงขลา (สทท.สงขลา) หรือช่อง 11 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้ชี้แจงถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นระหว่างที่มีการประชุมรายเดือนว่า เรื่องดังกล่าวนั้นเป็นปัญหาภายในองค์กรที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ บางเรื่องอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และแก้ไข และไม่ขอลงรายละเอียด แต่ขอชี้แจงที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อน
ตู้ทำงานที่จัดทำขึ้นใหม่พร้อมอุปกรณ์ทำงาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ช่อง 11 เข้าเวรดูแลความปลอดภัย และรับโทรศัพท์-อำนวยความสะดวกผู้เข้ามาติดต่อ
ดังเช่นกรณีของการเข้าเวร รปภ.ของเจ้าหน้าที่นั้น มิได้เกิดขึ้นตามอำเภอใจ แต่เป็นไปตามระเบียบการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ โดยหลังจากที่ตนเข้ามารับตำแหน่งได้จัดทำตู้ทำงานเพื่อเป็นทั้งจุดนั่งพัก และสามารถเข้ามาตรวจเวรเห็นได้ชัดเจน โดยให้เจ้าหน้าที่ของช่อง 11 นั่งปฏิบัติงานระหว่างเวลาราชการ 08.30-16.30 น. และมีเจ้าหน้าที่อีกชุดอยู่นอกเวลาราชการ โดยภายในตู้ทำงานดังกล่าวมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ทั้งโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น

น.ศ.ภาวิณี กล่าวต่อว่า ตนเห็นว่าช่อง 11 มีงบประมาณที่จำกัด และไม่ต้องการจ้างคนเพิ่มจึงเสริมภารกิจในการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เข้ามาติดต่อ โดยให้เจ้าหน้าที่ที่นั่งประจำตู้เป็นผู้รับผิดชอบ ตลอดจนรับโทรศัพท์จากบุคคลภายนอก โดยที่ตั้งของตู้นั้นอยู่ภายในอาคารมีเครื่องปรับอากาศ ในขณะที่ตู้ยามของ รปภ.นั้นตั้งอยู่ประตูทางเข้าออกของช่อง 11 ทั้งนี้ เรื่องของการจัดเวร รปภ.นั้น ได้มีการปรับปรุงเพื่อความเหมาะสมใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา
บรรยากาศประชุมประจำเดือนของเจ้าหน้าที่ ซึ่งใช้โอกาสนี้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อข่าวที่มีรายงานไปตั้งแต่วานนี้
เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามข้อเท็จจริงถึงหนังสือเสนอให้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ย้ายออกจากตำแหน่ง ผอ.สทท.สงขลา ชี้แจงว่า เป็นปัญหาภายในที่มีมาระยะหนึ่ง และตนก็เพิ่งทราบอย่างไม่เป็นทางการเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน ว่า ผู้ที่ทำหนังสือก็เป็นลูกน้องภายใต้บังคับบัญชานั่นเอง แต่ไม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะเกิดขึ้นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ขาดวุฒิภาวะ ขาดการสื่อสารที่ดี หรืออะไรก็ตามแต่ ตนให้อภัย และยังให้โอกาสเพราะเป็นผู้นำองค์กร

“การสั่งย้ายนั้นต้องมีที่มาที่ไป เช่น หากเกิดการทุจริต และมีมูลก็ต้องมีการสั่งย้ายออกไปปฎิบัติหน้าที่ส่วนอื่นเป็นการชั่วคราว เพื่อให้การสอบสวนเกิดขึ้นอย่างโปร่งใส และเป็นธรรม และดิฉันยังยืนยันถึงความรั กและภักดีที่มีต่อองค์กรว่าจะไม่ทำให้ราชการเสียผลประโยชน์” น.ส.ภาวิณี กล่าวต่อและว่า

เช่นเดียวกับการเก็บเงินค่าเช่าเวลาครั้งละ 12,305 บาท/30 นาที เพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรมขององค์กรทั้งภาครัฐ และเอกชนที่เป็นไปตามระเบียบ และมีมานานแล้ว เพราะหน่วยงานต่างๆ นั้นมีงบประมาณเป็นของตัวเอง ขณะที่สื่อรัฐก็ต้องหารายได้เพื่อเลี้ยงตัวเองเช่นเดียวกัน และทุกครั้งก็จะมีใบเสร็จที่รวมภาษีเป็นหลักฐาน แต่หากหน่วยงานใดมีข้อจำกัดในเรื่องนี้ ก็ทำหนังสือแจ้งก่อนล่วงหน้าเพื่อขอส่วนลด 20-50% ตามแต่กรณี

อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้รับการชี้แจงเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่ว่า มูลเหตุของปัญหา และความหนักใจในการปฎิบัติหน้าที่นั้น เริ่มมาตั้งแต่ พ.ศ.2553 นับตั้งแต่มี ผอ.คนใหม่เข้ามาดูแลช่อง 11 ซึ่งการทำงานภายใต้กฎเกณฑ์ต่างๆ นั้นมีความเข้มงวดจนทำงานได้ยาก แต่ก็ต้องปฏิบัติเพราะทุกคนมีความรักในองค์กรนี้ แม้มีการสะท้อนปัญหาสู่ผู้บริหารเสมอแต่ก็ไม่ค่อยได้รับการตอบสนอง

โดยเฉพาะเวร รปภ.ที่ต้องรับผิดชอบนั่งประจำตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่เจ้าหน้าที่ระดับชำนาญการ (ระดับซี 6-7 เดิม) ซึ่งมีอาวุโสแล้วก็ต้องมาอยู่ไม่ต่างจากน้องๆ ในขณะที่ความรับผิดชอบต่องานหลักทั้งข่าว และรายการนั้นมีมาก แต่ทุกคนก็ต้องปฏิบัติเช่นนี้เรื่อยมา โดยแต่ละวันนั้นมีโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาน้อย ยกเว้นโทรศัพท์ปริศนาที่โทร.แล้วไม่พูด คล้ายกับตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่เวรอยู่ประจำจุดหรือไม่ กระทั่งเพิ่งมีการปรับเปลี่ยนใหม่เมื่อเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา

ขณะที่เสียงของบางส่วนก็มีความเห็นว่า สไตล์การบริหารงานของ ผอ.หญิงที่ยึดระเบียบอย่างเคร่งครัดนั้น เพื่อให้การปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งชาย และหญิงเท่าเทียมกัน และทำงานมีประสิทธิภาพ แต่ก็ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องมีการปรับตัวขนานใหญ่ และยืดหยุ่นน้อย ยิ่งเมื่อพบตอปัญหาใหญ่ภายในที่สั่งสมมานานจึงเกิดความขัดแย้งเกิดขึ้นดังกล่าว