xs
xsm
sm
md
lg

“อยุติธรรมระบบราชการ” ด้ามขวานยังไม่สิ้น แล้วไฟใต้ฤาจะดับ/ไชยยงค์ มณีพิลึก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ : จุดคบไฟใต้
โดย...ไชยยงค์ มณีพิลึก

ครั้งแรกคิดว่า วันนี้จะเขียนเรื่องความคืบหน้าในคดีสังหารโหด นายพีระ ตันติเศรณี นายกเทศมนตรีนครสงขลา เป็นตอนที่ 3 เพราะวันนี้สังคมยังให้ความสนใจถึงการคลี่คลายคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า สุดท้ายแล้วจะได้ผู้ต้องหา หรือผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่า “พีระ” เพียงคนเดียว โดยที่สาวไปไม่ถึงผู้บงการเหมือนกับคดีใหญ่ๆ ที่เป็นคดี “การเมือง” หรือคดี “อิทธิพล” หลายๆ คดีที่เกิดขึ้นหรือไม่

แต่เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ “ตำรวจ” และเพื่อให้ตำรวจมีเวลาในการคลี่คลายคดี รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ตกเป็น “จำเลย” สังคมอย่าง “กิตติ ชูช่วย” และ “อุทิศ ชูช่วย” นายก อบจ.สงขลา อาจจะได้ “ชี้แจง” เพื่อบอกกล่าวแก่สังคมได้ว่ามีส่วนพัวพันเกี่ยวข้องกับคดีสังหารโหด “พีระ” อย่างไร หรือทั้งหมดทั้งปวงไม่ได้เกี่ยวข้องอย่างที่คนใกล้ชิดพยายามให้ข่าวมาโดยตลอด

วันนี้จึงอยากจะเขียนถึงเรื่อง “ไม่ใหญ่” แต่ก็ “ไม่เล็ก” ในประเด็นของความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นเรื่อง “อมตะนิรันดรกาล” สำหรับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยกเอาเรื่องความไม่เป็นธรรมมาพูดมาเขียนเมื่อไหร่ก็ถูกต้องเมื่อนั้น เหมือนกับการใช้ “กำปั้นทุบดิน” ทุบทีไรก็ถูกทุกที

โดยปกติถ้าจะเขียนถึงเรื่องความไม่เป็นธรรม “บริบท” ของผมจะอยู่ที่ “ประชาชน” เป็นหลัก แต่โดยข้อเท็จจริงเรื่องความไม่เป็นธรรม หรือเรื่องของผู้ที่ได้รับความ “อยุติธรรม” ไม่ได้กำหนดให้หยุดอยู่ที่ “ประชาชน” เท่านั้น ความไม่เป็นธรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังเกิดขึ้นกับคนอีกกลุ่มหนึ่ง นั่นคือ “ข้าราชการ” ในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาเคยมี “พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา” อดีต ผกก.สภ.บันนังสตา จ.ยะลา คือ ตัวอย่างที่ได้รับความ “อยุติธรรม” จากระบบของราชการที่เคยเป็นข่าวโด่งดังมาแล้วจากการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม

วันนี้จึงได้หยิบเอาเรื่องการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นกับ “ข้าราชการ” ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นั่นคือ จ.ปัตตานี 2 ราย ที่เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ ในขณะนี้

รายแรก คือ นายวิทยา พานิชพงษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ซึ่งถ้าพิจารณาตามบัญชีรายชื่อมีความอาวุโสอันดับ 1 เป็นรองผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ 6 ปี ทำหน้าที่ด้วยความอดทน ขยันขันแข็ง ก่อนหน้านี้ คือตัวเก็งที่ต้องได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “ผู้ว่าราชการจังหวัด” ในการโยกย้ายครั้งนี้

และก่อนที่จะมีคำสั่งโยกย้ายอย่างเป็นทางการ ชื่อของ “วิทยา พานิชพงษ์” มีการประกาศผ่านสื่อบางแขนงไปแล้วว่าได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “ผวจ.ระนอง” แต่ในวินาทีสุดท้ายก่อนที่จะมีการลงนามแต่งตั้ง ชื่อของ “วิทยา พานิชพงษ์” ก็หายไป และมีรายชื่อของคนอื่นเข้ามา “เสียบ” แทน

และนอกจากรายของนายวิทยาแล้ว ยังมีข้าราชการคนอื่นๆ อีกหลายรายที่ครอง “อาวุโส” มีฝีมือ ความชอบธรรมที่ต้องได้รับการพิจารณาขยับขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น ไม่ได้รับการแต่งตั้ง แสดงให้เห็นว่า วันนี้กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ไม่ได้ยึดหลัก “อาวุโส” ไม่ได้ยึดหลัก “คุณธรรม”และ “ธรรมาภิบาล” ในการแต่งตั้งโยกย้ายอย่างที่ควรจะเป็น

และการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมอีกกรณีที่เกิดขึ้นไล่เลี่ยกัน คือ คำสั่งจากกรม “ดีเอสไอ” หรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่มี “ธาริต เพ็งดิษฐ์” เป็นอธิบดีได้มีคำสั่ง “เด้ง” นาย “อมรเทพ อรุโณประโยชน์” ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปประจำที่กรมสอบสวนพิเศษ

กล่าวถึง “อมรเทพ อรุโณประโยชน์” ผอ.ดีเอสไอภาคใต้ผู้นี้ ก่อนที่จะถูก “เด้ง” มีผลงานในการร่วมกับหน่วยงานแก้ปัญหาภัยแทรกซ้อนของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ในเรื่องการปราบปรามน้ำมันเถื่อน และยาเสพติดมาโดยตลอด โดยเฉพาะล่าสุด ได้จับนายทุนค้ายารายใหญ่ที่ จ.ปัตตานี นายทุนนักการเมืองที่ ต.สำนักขาม และ ที่ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา และการจับกุมน้ำมันเถื่อนของ “นักการเมือง” ในพื้นที่ อ.ควนโดน จ.สตูล จนเกิดคดีน้ำมันของกลางหายไปจาก สภ.ควนโดน จ.สตูล หลายหมื่นลิตร ที่ พล.ต.ท.พิสิฏฐ์ พิสุทธิศักดิ์ ผบช.ภ.9 สั่งตั้งกรรมการสอบสวนเอาผิดกับตำรวจ สภ.ควนโดน อยู่ในขณะนี้

การสั่ง “เด้ง” อมรเทพ อรุโณประโยชน์ ผอ.ดีเอสไอภาคใต้ ในครั้งนี้ จึงกำลังถูกมองจากสังคม และหน่วยงานอื่นๆ ว่า เป็นเพราะ “อิทธิพล” ของนายทุนที่มีกลุ่ม “การเมือง” ร่วมขบวนการอยู่เบื้องหลัง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ผู้เสียผลประโยชน์ในพื้นที่ต้องการให้ “อมรเทพ” ย้ายออกจากพื้นที่ และเอาคนของตนเองมารับหน้าที่แทน เพื่อให้หยุดการปราบปราม จับกุม และสอบสวนเพื่อเชื่อมโยงไปสู่การให้ “ปปง.” เข้ามาดำเนินการกับผู้ถูกจับกุมในข้อหา “ฟอกเงิน”

เพราะบัญชี “ส่วย” ที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และดีเอสไอยึดได้จากการจับกุมตรวจค้นที่ จ.ปัตตานี จ.สงขลา และ จ.สตูล มีชื่อของเจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐ ตั้งแต่ตำรวจระดับสารวัตรไปจนถึง ผบก. และหน่วยงานอื่นๆ เช่น ศุลกากร ฯลฯ อีกเป็นจำนวนมาก และที่น่าสนใจ คือ มีชื่อของ “เล็ก ดีเอสไอ” ที่รับเงินไป 160,000 บาท รวมอยู่ด้วย และประเด็นนี้อาจจะเป็นประเด็นที่ทำให้ต้องการเปลี่ยนตัว ผอ.ดีเอสไอ ภาคใต้ เพราะ “อมรเทพ” ยังคงเดินหน้าในการเอาผิดกับเจ้าของบัญชี “ส่วย” ทั้งที่รู้ว่ากำลัง “ชนตอ” สุดท้ายจึงต้องถูก “เด้ง” เพื่อเป็นการ “ตัดตอน” คดีใช่หรือไม่

ที่ยกตัวอย่างของความไม่เป็นธรรมในการโยกย้าย 2 ราย ของ จ.ปัตตานี เพื่อชี้ให้เห็นถึงความไม่ชอบธรรม และความไร้คุณธรรมที่เกิดขึ้นของระบบราชการ และความ “อยุติธรรม” ที่เกิดขึ้นกับข้าราชการที่มีความ “ตั้งใจ” ในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งสุดท้ายสิ่งที่ได้รับ คือ ความ “อยุติธรรม” ที่เกิดจากผลประโยชน์การเล่นพรรคเล่นพวก และมีเรื่อง “การเมือง” เข้ามาเกี่ยวข้องจนทำให้เกิดการไร้ “ธรรมาภิบาล” ขึ้น

เมื่อ “คนดี” คนมีฝีมือ มีผลของการ “ทำดี” ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ต่างมีค่าตอบแทนเช่นนี้ ต่อไปใครจะ “ทุ่มเท” กับการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น และหากคนทำดีไม่ได้รับการ “ส่งเสริม” เราจะหวังให้แผ่นดินจังหวัดชายแดนภาคใต้ “สงบ” ได้อย่างไร


กำลังโหลดความคิดเห็น