คอลัมน์ : จุดคบไฟใต้
โดย...ไชยยงค์ มณีพิลึก
วันนี้จะไม่เขียนเรื่องหยุดงานวันศุกร์ในพื้นที่ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา เพื่อรอดูสถานการณ์ในวันศุกร์ที่ 3 ว่าจะดีขึ้น หรือทรงๆ หรือแย่ลงกว่าเดิม เพื่อที่จะดูว่าวิธีการต่างๆ ในการแก้ปัญหาของ กอ.รมน. และ ศอ.บต. ที่ใช้ในการสร้างความมั่นใจในอำนาจรัฐ เพื่อให้ประชาชนเลิกกลัวคำขู่ของโจรที่ขู่ให้หยุดงานวันศุกร์ได้ผลแค่ไหนอย่างไร เพราะสุดท้าย ผู้เขียนเชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นเหมือนที่เคยเป็น นั่นคือ หลังจากที่ชาวบ้านกลัวกันไปสักเดือน 2 เดือน และไม่เห็นใครถูกตัดหูตามคำขู่ และสุดท้ายชาวบ้าน “กลัวอด” มากกว่า “กลัวตาย” ทุกคนก็จะกลับทาทำงานวันศุกร์เหมือนเดิม
แต่วันนี้จะเขียนถึงเรื่องของ “น้ำมันเถื่อน” อีกหนึ่งตอน เพื่อชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของอำนาจรัฐ และความล้มเหลวของคำสั่งผู้บัญชาการตำรวจภูธร 9 พล.ต.ท.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ ซึ่งเพิ่งย้ายมารับตำแหน่ง ผบช.ภ.9 เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของ “ตำรวจ” นั่นคือการเดินสายตรวจ สภ.ต่างๆ ใน 4 จังหวัดของ บช.ภ.9 เพื่อรับทราบปัญหา รับรู้พื้นที่ และรู้จักผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งผู้เป็นผู้บัญชาการตำรวจทุกคนต่างปฏิบัติเช่นนี้ และแสดงท่าทีขึงขังที่จะเอาจริงกับปัญหาอาชญากรรม อบายมุข และอื่นๆ
และสิ่งที่ พล.ต.ท.พิสิฏฐ์ ได้ให้ความสำคัญ คือ การปราบปรามน้ำมันเถื่อนที่ทุกวันนี้กลายเป็นปัญหาใหญ่ ที่ทำลายความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และการก่อการร้าย เนื่องจาก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า โดย พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แท่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน. เป็นผู้ออกมาระบุว่า ผลประโยชน์จากการค้าน้ำมันเถื่อนถูกส่งไปสนับสนุนขบวนการแบ่งแยกดินแดน เพื่อก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ข้อเท็จจริงวันนี้ในพื้นที่รับผิดชอบของ บช.ภ.9 มีการค้าน้ำมันเถื่อนที่มากกว่าในพื้นที่ของศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศชต. ที่มี จ.นราธิวาส เพียงจังหวัดเดียว ที่เป็นพื้นที่การลักลอบน้ำเข้าน้ำมันเถื่อนทั้งทางบก ทางทะเลจากประเทศมาเลเซีย
และข้อเท็จจริงอีกอย่างหนึ่งที่ต้องรู้คือ ผู้ที่ค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ที่มาปักหลักอยู่ใน จ.สงขลา ทั้งใน ต.สำนักขาม ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา และในพื้นที่ อ.เมือง อ.สิงหนคร จ.สงขลา เป็นผู้มีอิทธิพลที่มาจาก จ.ปัตตานี นราธิวาส เป็นส่วนใหญ่ โดยการร่วมมือกับบรรดานักการเมืองท้องถิ่นที่ส่วนหนึ่งเป็นนายกเทศบาล นายก อบต. และกลุ่มหัวคะแนนของนักการเมืองท้องถิ่น และนักการเมืองส่วนกลาง โดยมีระดับชาติให้การสนับสนุน และเป็น “หุ้นส่วน” เพื่อร่วมกันทำลายเศรษฐกิจ และความมั่นคงของประเทศชาติ โดยมีเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะศุลกากร สรรพสามิต และตำรวจให้ความร่วมมือ
วันนี้ น้ำมันเถื่อนทั้งทางบกและทางทะเลที่ถูกน้ำเข้ามาจากต่างประเทศทาง จ.สงขลา และ จ.สตูล ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบของ บช.ภ.9 ที่มี พล.ต.ท.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ ผบช.ภ.9 วันละไม่ต่ำกว่า 5 ล้านลิตร โดยส่วนที่ผ่านทางด่านศุลกากร ต.สำนักขาม และ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านลิตรต่อวัน และที่ผ่านทางด่านวังประจัน อ.ควนโดน จ.สตูล ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งทั้งศุลกากร สรรพสามิต และตำรวจไม่เคยจับกุมอย่างจริงจัง ตลอดระยะเวลา 2-3 ปี ที่ ขบวนการน้ำมันเถื่อนยึดพื้นที่ 2 จังหวัดเป็นทำเลทองในการทำลายเศรษฐกิจ และความมั่นคงของชาติ
โดยเฉพาะตำรวจ นอกจากจะไม่จับกุมน้ำมันเถื่อนแล้ว ยังทำเรื่อง “งามหน้า” สำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ 2 เรื่องๆ แรกเพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ คือ การนำน้ำมันเถื่อนที่ดีเอสไอ และ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จับยึดของกลางได้กว่า 50,000 ลิตร ซึ่งมอบให้ตำรวจ สภ.ควนโดน จ.สตูล เป็นผู้เก็บรักษาของกลาง และอยู่ๆ ของกลางหายไป 30,000 กว่าลิตร ที่วันนี้ยังไม่มีคำตอบว่า “ตำรวจ” คนไหนเป็นผู้ “งาบ” ของกลางดังกล่าว
ส่วนเรื่อง “งามหน้า” เรื่องที่ 2 ของตำรวจ ในพื้นที่ จ.สงขลา และสตูล คือ มีตำรวจส่วนหนึ่งตั้งตัวเป็นผู้ค้าของผิดกฎหมายเสียเอง ทั้งการค้าน้ำมันเถื่อน เหล้าเถื่อน บุหรี่เถื่อน ทำกันเป็นขบวนการการ แต่งเครื่องแบบขับรถบรรทุกของเถื่อน และคุ้มกันรถบรรทุกน้ำมันเถื่อนไปส่งในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งทำกันมานาน แต่สำนักงานตำรวจภาค 9 ไม่เคยสนใจ แม้แต่ชุดปราบปรามน้ำมันเถื่อนทั้งของจังหวัด และของ บช.ภ.9 ที่ไม่เคยสนใจกับปัญหาน้ำมันเถื่อน แต่สนใจในการเก็บ “ส่วย” เพียงอย่างเดียว บช.ภ.9 ก็ไม่เคยสนใจที่จะเข้าไปตรวจสอบ และเอาผิด
ทราบว่า หลังจากที่ พล.ต.ท.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ ได้เดินสายตรวจพื้นที่ 4 จังหวัดที่รับผิดชอบแล้ว ได้มีคำสั่งให้ตำรวจทุก สภ.ในความรับผิดชอบเร่งปราบปรามขบวนการน้ำมันเถื่อน ทั้งนายทุน และผู้ค้า รวมทั้งมีการ “คาดโทษ” หากมีหน่วยงานอื่นๆ เข้าไปจับกุมน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ เช่นที่ จ.สตูล จะเอาผิดกับตำรวจท้องที่เช่นเดียวกับเรื่องการจับกุมบ่อนการพนัน
แต่จากการติดตามดูพบว่า หลังจากที่ พล.ต.ท.พิสิฏฐ์ มีคำสั่งไปยัง สภ.ต่างๆ ให้จับกุมผู้ค้าน้ำมันเถื่อนในพื้นที่ ยังพบว่ามีเพียงพื้นที่ของ สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เท่านั้นที่ออกมาจับกุมบรรดาผู้ขายน้ำมันเถื่อน ทั้งปั๊มหลอด และปั๊มขวดแบบเอาผลงาน คือ จับวันละราย สองราย พอเป็น “กระสายยา” แต่ในพื้นที่อื่นๆ เช่น สภ.สะเดา, สภ.ทุ่งลุง, สภ.เมือง, สภ.บางกล่ำ และอื่นๆ ตำรวจยังไม่ได้ “กระดิกหู” กับคำสั่งของ พล.ต.ท.พิสิฏฐ์ แต่อย่างใด ยังคงปล่อยให้ร้านค้าขายน้ำมันเถื่อนอย่างเสรี และมีเจ้าหน้าที่เก็บ “ส่วย” จากผู้ขาย และผู้ค้าส่งตามปกติ
ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สุดท้ายแล้วคำสั่งของ พล.ต.ท.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ ผบช.ภ.9 ไม่ได้ผล ตำรวจในพื้นที่ไม่ได้สนใจที่จะปฏิบัติตามแต่อย่างใด หาก พล.ต.ท.พิสิฏฐ์ ไม่เชื่อว่าคำสั่งของท่านไม่ศักดิ์สิทธิ์ และตำรวจแต่ละโรงพักไม่เชื่อฟังคำสั่ง ก็สามารถไปตรวจสอบได้ว่า หลังจากมีคำสั่งน้ำมันเถื่อนยังเต็มพื้นที่อยู่หรือไม่
คำถามคือ ถ้าคนเป็น ผบช.ภ.9 สั่งการแล้ว ตำรวจยังไม่เชื่อฟัง อำนาจรัฐวันนี้อยู่ที่ไหน และประเทศชาติของเราจะอยู่กันอย่างไร หรือวันนี้บ้านนี้ประชาชนมีเสรีที่จะทำผิดกฎหมายได้อย่างเต็มที่ เพียงแต่มีเงินจ่ายให้แก่ผู้รักษากฎหมายอย่าง “ตำรวจ” เท่านั้นเอง
และหากคำสั่ง พล.ต.ท.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ ซึ่งเป็น ผบช.ภ.9 ใช้ไม่ได้ เห็นที่ต้องฝากถาม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ว่า จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร หรือในยุคที่ตำรวจ “ดื้อยา” อย่างนี้ ผบ.ตร. ต้องเป็นผู้ออกคำสั่งเองอย่างนั้นหรือ