สตูล - ทหารยันไม่มีส่วนรู้เห็นคดีของกลางน้ำมันเถื่อนหายเกือบ 5 หมื่นลิตร ระบุเป็นเพียงพยานร่วมจับกุมไม่มีส่วนร่วมตรวจของกลาง ขณะเดียวกัน ศุลกากรเผยพ่อค้านิยมขนส่งน้ำมันเถื่อนทางทะเลมากขึ้น เนื่องจากขึ้นฝั่งได้หลายทาง และจับกุมยากเพราะมีสายคอยงจับตาเจ้าหน้าที่
วันนี้ (18 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีน้ำมันเถื่อนจำนวน 47,000 ลิตร ของกลางซึ่งจับกุมได้ที่ด่านวังประจัน จ.สตูล สูญหายหลังจากการจับกุมว่า หลังจากการสอบปากคำพยานหลายฝ่าย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการเข้าไปจับกุม ทหารซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่ร่วมจับกุม ได้เปิดเผยว่า หลังจากทางคณะชุดทำงานสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงได้เรียกสอบเรื่องกรณีน้ำมันของกลางหาย 47,000 ลิตรไปนั้น ฝั่งทหารขอยืนยันว่า วันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ดำเนินการจับกุมนั้น ทหารได้นำกำลังไปร่วมจับกุมเอง แต่เป็นเพียงเสริมกำลังดูแลความปลอดภัยแก่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเท่านั้น ส่วนกระบวนการตรวจสอบน้ำมันของกลางทางดีเอสไอเป็นผู้ตรวจสอบเอง โดยฝ่ายทหารแค่ลงบันทึกเป็นพยานร่วมจับกุมเท่านั้น
สำหรับขั้นตอนในการตรวจสอบของกลางน้ำมันเถื่อน ทางดีเอสไอเป็นคนตรวจสอบ และส่งต่อให้ทางตำรวจ สภ.ควนโดน และเจ้าหน้าที่สรรพสามิตเข้ามาทำคดีต่อ จนผ่านมาอีกวันถึงพบว่าน้ำมันของกลางหายไปจำนวนมาก คงเหลือแค่ 3,000 กว่าลิตรเท่านั้น
ทั้งนี้ ในส่วนประเด็นเรื่องการปราบปรามน้ำเถื่อนที่ทะลักเข้ามาในพื้นที่ทางบกของชายแดนวังประจัน พบว่า โกดังน้ำมันเถื่อนเริ่มลดลง หลังทางเจ้าหน้าตรวจเข้ม พร้อมรับนโยบายจากตำรวจภาค 9 เร่งให้ปราบปราม
ในขณะที่พื้นที่ฝั่งทางทะเล ซึ่งมีแนวเขตติดกับรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปราม ด่านศุลกากร จ.สตูล เปิดเผยว่า การทำงานปราบปรามทางทะเลส่วนใหญ่จะจับกุมลำบากเช่นกัน เมื่อทางเจ้าหน้าที่นำเรือของด่านลงไปจับกุมเรือประมงดัดแปลงค้าน้ำมันเถื่อน จะมีสายของผู้ค้าที่จับตาเฝ้าดูพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ทำงาน และรู้ตัวทัน นอกจากนี้ กำลังของเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ หากมีการปราบปรามจริงจังก็ต้องขอกำลังเสริมจากด่านศุลกากรภาค 4 ร่วมกันปราบปราม แต่ขณะนี้สิ่งที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือทางด้านทะเลเพราะเส้นทางการลำเลียงจะใช้การขนส่งลำเลียงเข้าเส้นทางป่าชายเลน เนื่องจากสะดวกมากกว่า สามารถขนขึ้นได้หลายทาง ทั้งในพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอท่าแพ และอำเภอละงู จากข้อมูลที่จับกุมมาในแต่ละครั้ง
วันนี้ (18 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีน้ำมันเถื่อนจำนวน 47,000 ลิตร ของกลางซึ่งจับกุมได้ที่ด่านวังประจัน จ.สตูล สูญหายหลังจากการจับกุมว่า หลังจากการสอบปากคำพยานหลายฝ่าย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการเข้าไปจับกุม ทหารซึ่งเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่ร่วมจับกุม ได้เปิดเผยว่า หลังจากทางคณะชุดทำงานสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงได้เรียกสอบเรื่องกรณีน้ำมันของกลางหาย 47,000 ลิตรไปนั้น ฝั่งทหารขอยืนยันว่า วันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่ดำเนินการจับกุมนั้น ทหารได้นำกำลังไปร่วมจับกุมเอง แต่เป็นเพียงเสริมกำลังดูแลความปลอดภัยแก่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอเท่านั้น ส่วนกระบวนการตรวจสอบน้ำมันของกลางทางดีเอสไอเป็นผู้ตรวจสอบเอง โดยฝ่ายทหารแค่ลงบันทึกเป็นพยานร่วมจับกุมเท่านั้น
สำหรับขั้นตอนในการตรวจสอบของกลางน้ำมันเถื่อน ทางดีเอสไอเป็นคนตรวจสอบ และส่งต่อให้ทางตำรวจ สภ.ควนโดน และเจ้าหน้าที่สรรพสามิตเข้ามาทำคดีต่อ จนผ่านมาอีกวันถึงพบว่าน้ำมันของกลางหายไปจำนวนมาก คงเหลือแค่ 3,000 กว่าลิตรเท่านั้น
ทั้งนี้ ในส่วนประเด็นเรื่องการปราบปรามน้ำเถื่อนที่ทะลักเข้ามาในพื้นที่ทางบกของชายแดนวังประจัน พบว่า โกดังน้ำมันเถื่อนเริ่มลดลง หลังทางเจ้าหน้าตรวจเข้ม พร้อมรับนโยบายจากตำรวจภาค 9 เร่งให้ปราบปราม
ในขณะที่พื้นที่ฝั่งทางทะเล ซึ่งมีแนวเขตติดกับรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปราม ด่านศุลกากร จ.สตูล เปิดเผยว่า การทำงานปราบปรามทางทะเลส่วนใหญ่จะจับกุมลำบากเช่นกัน เมื่อทางเจ้าหน้าที่นำเรือของด่านลงไปจับกุมเรือประมงดัดแปลงค้าน้ำมันเถื่อน จะมีสายของผู้ค้าที่จับตาเฝ้าดูพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ทำงาน และรู้ตัวทัน นอกจากนี้ กำลังของเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ หากมีการปราบปรามจริงจังก็ต้องขอกำลังเสริมจากด่านศุลกากรภาค 4 ร่วมกันปราบปราม แต่ขณะนี้สิ่งที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือทางด้านทะเลเพราะเส้นทางการลำเลียงจะใช้การขนส่งลำเลียงเข้าเส้นทางป่าชายเลน เนื่องจากสะดวกมากกว่า สามารถขนขึ้นได้หลายทาง ทั้งในพื้นที่อำเภอเมือง อำเภอท่าแพ และอำเภอละงู จากข้อมูลที่จับกุมมาในแต่ละครั้ง