สตูล - ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูลสั่งเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังพบว่าน้ำมันเถื่อนของกลางที่ยึดได้เกือบ 50,000 ลิตรสูญหายไป ด้านดีเอสไอหนึ่งในชุดร่วมจับกุมโยนลูก สภ.ควนโดนทำคดีและสอบสวนให้ตรงไปตรงมา ชี้สื่อมวลชนอื้อในวันจับกุม
จากกรณีที่น้ำมันของกลางจำนวน 47,000 ลิตร ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI ร่วมกับ ทหาร ชุด ร้อย. ร.5021 พร้อม รมน.สตูล ตำรวจและฝ่ายปกครอง ตรวจยึดได้ในหมู่ที่ 4 บ้านวังประจันใต้ ต.วังประจัน อ.ควนโดน ซึ่งเป็นพื้นที่ของ ส.จ.อาบู ฮะอุรา เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าของกลางที่เก็บไว้ในโกดังได้หายไป และมีปัญหาในการส่งมอบของกลางมาโดยตลอดนั้น
ล่าสุด พล.ต.ต สมควร คัมภีระ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูล สั่งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีน้ำมันของกลางหนีภาษีสูญหายที่ จ.สตูล เตรียมเรียกเจ้าหน้าที่ดีเอสไอให้ข้อมูล โดยให้ตำรวจดูแลของกลางว่า ยอดการจับกุมมีจำนวน 47,000 ลิตรจริงหรือไม่ และในส่วนตนจะลงพื้นที่ไปดูสถานีตำรวจภูธรควนโดน อ.ควนโดน จ.สตูล เพื่อดูของกลางที่ยังคงตั้งวางในสถานีตำรวจอีกครั้งในเร็วๆ นี้ พร้อมกำชับเร่งชุดคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีน้ำมันว่ามีเจ้าหน้าที่คนใดเข้าไปยุ่งเกี่ยวจะทำการลงโทษทันที
ด้าน พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติรอง ผบก.ภ.จว.สตูล กล่าวถึงความคืบหน้าว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งหาข้อมูลเกี่ยวกับน้ำมันของกลางหนีภาษีหายอย่างเร่งด่วน ซึ่งขณะนี้ยังคงตรวจสอบเอกสารในการจับกุมและตรวจดูการเข้าทำงานของกระบวนการดีเอสไอและเจ้าหน้าที่ทหารที่นำกำลังเข้าไปจับกุมใช้อำนาจของกฎอัยการศึกได้หรือไม่ โดยเริ่มจากการเข้ากุมในครั้งนี้ พร้อมเรียบเรียงรายชื่อเกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อเข้าสอบปากคำต่อไปเพื่อเสาะหาที่เกี่ยวข้องกับของกลางหายได้อย่างไร
ทั้งนี้ นายอมรเทพ อรุโณประโยชน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ จังหวัดชายแดนภาคใต้(ศปพ.จชต.) หรือ DSI เปิดเผยว่า ทางผู้จับกุมได้ประมาณการจากถังขนาดบรรจุน้ำมัน 1,000 ลิตร 40 ถัง ถังขนาด 200 ลิตร 35 ถัง แม้จะไม่ได้วัดปริมาณน้ำมัน แต่มีการตรวจสอบว่าเป็นน้ำมันจริงอยู่ในสภาพเกือบเต็มถัง ซึ่งอาจจะคลาดเคลื่อนเป็นถังละ 700 หรือ 800 ลิตรก็ได้ จากนั้นได้มีการตรวจอายัด โดยร่วมกับหลายส่วนทั้งดีเอสไอ ทหาร นายอำเภอ ผู้กำกับการ สภ.ควนโดน ก่อนให้ทาง สภ.ควนโดนเป็นผู้รับผิดชอบ
และในกรณีหากของกลางหายนั้นก็อยู่ในกระบวนการของพนักงานสอบสวนแล้ว หากพบว่าของกลางหายผู้ที่รับผิดชอบก็ต้องรับไป ก็ต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง ถ้าในกรณีมีการส่งของกลางไปแล้วแต่ทางด่านศุลกากรฯ ไม่รับก็เป็นเรื่องระหว่างหน่วยงาน แต่ต้องดูอีกว่าทางด่านไม่รับของกลางเนื่องจากอะไร ต้องมีเหตุผล ส่วนนี้ถ้ามีผู้หนึ่งผู้ใด หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จะต้องมีความผิด แต่ต้องดูข้อเท็จจริงของสาเหตุที่ไม่รับ
“ตรงนี้ต้องให้ สภ.ควนโดนเป็นผู้ดำเนินการ ก็หวังว่าจะมีการดำเนินการแบบตรงไปตรงมา ทำไปตามข้อเท็จจริง เพราะในวันจับกุมมีสื่อมวลชนเข้าไปในพื้นที่ด้วย และมีหลายหน่วยอยู่ในพื้นที่ พยานหลักฐานพยานบุคคลต่างๆ หากของกลางเปลี่ยนสภาพก็ต้องไล่ว่าใครเป็นคนเปลี่ยนสภาพ ตรงนี้มันมีที่ไปที่มา” นายอมรเทพกล่าว
