ศูนย์ข่าวภูเก็ต - อดีตอธิบดีกรมอุทยานฯ “ดำรงด์ พิเดช” เผยเสียความรู้สึกถ้ามีการชะลอตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติ ที่ผ่านมา ทุกคนทุ่มเททำงานเพื่อรักษาสมบัติของชาติ เชื่อหลังแต่งตั้งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช การตรวจสอบต้องเดินหน้าต่อเพราะถ้าไม่ทำถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
นายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายให้อธิบดีกรมป่าไม้ และรองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้ชะลอการจับกุมกรณีการบุกรุกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ว่า เรื่องนี้จากการติดตามข้อมูลไม่ได้เป็นการสั่งให้ชะลอการตรวจสอบจับกุมในส่วนของเอกชน หรือนายทุนที่มีการบุกรุก แต่ที่นายกรัฐมนตรีให้ชะลอการจับกุมในส่วนของประชาชนที่เข้าไปทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ หรือพื้นที่ป่าอื่นๆ ที่เสื่อมโทรมแล้ว โดยทำกินมาอย่างยาวนาน บางคน 50 ปี หรือ 100 ปี เพื่อเร่งแก้ปัญหาให้ชาวบ้านเหล่านี้
“ส่วนสาเหตุที่มีการชะลอในการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิในส่วนของการบุกรุกที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถในขณะนี้ เชื่อว่าน่าจะเกิดจากปัญหาที่ยังไม่มีอธิบดีเข้ามาทำงานทำให้คนที่รักษาการในขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ แต่เชื่อว่าหลังจากมีการแต่งตั้งอธิบดีแล้ว การดำเนินงานจะต้องมีการทำอย่างต่อเนื่องแน่นอนเพราะถ้าอธิบดี หรือหัวหน้าหน่วยไม่ทำต่อถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เรื่องนี้ไม่เชื่อว่าจะไม่มีการชะลอแน่นอน เพราะถ้ามีการชะลอจะเป็นความเสียหายที่ร้ายแรง ซึ่งกรณีที่นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายนั้นให้เน้นในส่วนของชาวบ้าน แต่ที่ภูเก็ตเป็นการบุกรุกโดยนายทุน”
นายดำรงค์ กล่าวต่อไปว่า ถ้ามีการชะลอการตรวจสอบจริงๆ ในฐานะที่ตนเป็นคนทำงาน รวมทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะรักษาทรัพยากรธรรมชาติของประเทศชาติ และเป็นของคนไทยทุกคนที่จะต้องร่วมกันดูแล ที่ทำมาไม่ได้ทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่ทำเพื่อที่จะเอาสมบัติของชาติมาเป็นของส่วนรวม ถ้ามีการชะลอจริงๆ ก็ย่อมเสียความรู้สึกเป็นธรรมดา เพราะถ้าปล่อยให้มีการบุกรุกแม้กระทั่งอุทยานแห่งชาติ ต่อไปก็จะมีการบุกรุกทุกพื้นที่ไม่เหลือที่ดินของชาติไว้เลย จึงเชื่อว่าในฐานะของคนที่ทำงานอยู่จุดนี้จะไม่ปล่อยให้การตรวจสอบหยุดชะงักแน่นอน เพราะที่ร่วมกันทำงานที่ผ่านมาทุกคนมีความมุ่งมั่นที่จะทวงคืนแผ่นดินของชาติกลับมาเป็นของชาติต่อไป
ส่วนการแต่งตั้งอธิบดีคนใหม่ที่มีความล่าช้านั้น นายดำรงค์ กล่าวว่า เรื่องนี้ที่มีความล่าช้าเพราะติดปัญหาในเรื่องของการสรรหาตัวบุคคล แต่เชื่อว่าอีก 1-2 สัปดาห์นี้น่าจะสามารถดำเนินการเสร็จสิ้น และเมื่อแต่งตั้งอธิบดีเสร็จ การตรวจสอบจะต้องดำเนินการต่อไปอย่างแน่นอน
นายดำรงค์ พิเดช อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายให้อธิบดีกรมป่าไม้ และรองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้ชะลอการจับกุมกรณีการบุกรุกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ว่า เรื่องนี้จากการติดตามข้อมูลไม่ได้เป็นการสั่งให้ชะลอการตรวจสอบจับกุมในส่วนของเอกชน หรือนายทุนที่มีการบุกรุก แต่ที่นายกรัฐมนตรีให้ชะลอการจับกุมในส่วนของประชาชนที่เข้าไปทำกินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ หรือพื้นที่ป่าอื่นๆ ที่เสื่อมโทรมแล้ว โดยทำกินมาอย่างยาวนาน บางคน 50 ปี หรือ 100 ปี เพื่อเร่งแก้ปัญหาให้ชาวบ้านเหล่านี้
“ส่วนสาเหตุที่มีการชะลอในการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิในส่วนของการบุกรุกที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถในขณะนี้ เชื่อว่าน่าจะเกิดจากปัญหาที่ยังไม่มีอธิบดีเข้ามาทำงานทำให้คนที่รักษาการในขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ แต่เชื่อว่าหลังจากมีการแต่งตั้งอธิบดีแล้ว การดำเนินงานจะต้องมีการทำอย่างต่อเนื่องแน่นอนเพราะถ้าอธิบดี หรือหัวหน้าหน่วยไม่ทำต่อถือว่าเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เรื่องนี้ไม่เชื่อว่าจะไม่มีการชะลอแน่นอน เพราะถ้ามีการชะลอจะเป็นความเสียหายที่ร้ายแรง ซึ่งกรณีที่นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายนั้นให้เน้นในส่วนของชาวบ้าน แต่ที่ภูเก็ตเป็นการบุกรุกโดยนายทุน”
นายดำรงค์ กล่าวต่อไปว่า ถ้ามีการชะลอการตรวจสอบจริงๆ ในฐานะที่ตนเป็นคนทำงาน รวมทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะรักษาทรัพยากรธรรมชาติของประเทศชาติ และเป็นของคนไทยทุกคนที่จะต้องร่วมกันดูแล ที่ทำมาไม่ได้ทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่ทำเพื่อที่จะเอาสมบัติของชาติมาเป็นของส่วนรวม ถ้ามีการชะลอจริงๆ ก็ย่อมเสียความรู้สึกเป็นธรรมดา เพราะถ้าปล่อยให้มีการบุกรุกแม้กระทั่งอุทยานแห่งชาติ ต่อไปก็จะมีการบุกรุกทุกพื้นที่ไม่เหลือที่ดินของชาติไว้เลย จึงเชื่อว่าในฐานะของคนที่ทำงานอยู่จุดนี้จะไม่ปล่อยให้การตรวจสอบหยุดชะงักแน่นอน เพราะที่ร่วมกันทำงานที่ผ่านมาทุกคนมีความมุ่งมั่นที่จะทวงคืนแผ่นดินของชาติกลับมาเป็นของชาติต่อไป
ส่วนการแต่งตั้งอธิบดีคนใหม่ที่มีความล่าช้านั้น นายดำรงค์ กล่าวว่า เรื่องนี้ที่มีความล่าช้าเพราะติดปัญหาในเรื่องของการสรรหาตัวบุคคล แต่เชื่อว่าอีก 1-2 สัปดาห์นี้น่าจะสามารถดำเนินการเสร็จสิ้น และเมื่อแต่งตั้งอธิบดีเสร็จ การตรวจสอบจะต้องดำเนินการต่อไปอย่างแน่นอน