ปัตตานี - คดี “เสี่ยโจ้” ไม่คืบหลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มาตรวจสอบของกลางที่ตรวจยึดได้ โดยเฉพาะรถบรรทุกน้ำมันดัดแปลงซึ่งเบื้องต้นพบว่า ใช้ทะเบียนปลอม คาดเหตุล่าช้าอาจมาจากผลประโยชน์หลายฝ่าย ในขณะ จนท.กรมป่าไม้ตรวจไม้ของกลางแล้วแต่ยังต้องรอผล
วันนี้ (2 พ.ย.) พ.อ.จตุพร กลัมพสุต หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการปราบปรามภัยแทรกซ้อน คณะทำงานพิเศษ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยความคืบหน้าของคดีการจับกุมนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ “เสี่ยโจ้” ตามหมายจับของ DSI ในข้อหาหลบหลีกภาษีสรรพากร ซึ่งถูกตรวจค้นเมื่อวันที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา จนกระทั่งล่าสุด ผู้ต้องหาได้นำทนายความมามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ DSI สำนักงานที่กรุงเทพมหานคร และได้รับการประกันตัวเพื่อสู้คดี
โดยในระหว่างที่นำกำลังเข้าไปแสดงการจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าวที่บ้านเลขที่ 103/49 ถ.นาเกลือ ม.8 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี ซึ่งตั้งอยู่ภายในโรงไม้ขนาดใหญ่ของ หจก.สหทรัพย์ทวีวูดส์อินดัสรี้ พบไม้ภายในโรงเก็บไม้ และภายนอกโรงเก็บเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้น ยังพบมีรถยนต์บรรทุก 10 ล้อติดแท็งก์น้ำมัน จำนวน 2 คัน และรถบรรทุกห้องเย็นขนาด 10 ล้อ จำนวน 2 คัน จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบเป็นรถที่ดัดแปลง และปลอมแปลงเอกสาร จึงได้ประสานกับหน่วยงานต้นสังกัดให้เข้ามาร่วมการตรวจสอบ เพื่อจะดำเนินการแจ้งกล่าวข้อหาเพิ่ม และจนถึงวันนี้ (2 พ.ย.) ยังไม่มีหน่วยงานงานไหนเข้ามาตรวจสอบ แม้จะล่วงเลยเวลาเกือบ 3 สัปดาห์แล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของไม้ที่พบจำนวนมาก หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ปน.2 กรมป่าไม้ ได้เข้าร่วมตรวจสอบไม้ดังกล่าวที่โรงไม้ หจก.สหทรัพย์ฯ โดยมีการตรวจสอบไม้ และเอกสารที่ทาง หจก.สหทรัพย์ฯ อ้างว่าเป็นไม้ที่นำเข้ามาจากประเทศลาวว่าตรงกัน และถูกต้องหรือไม่ ทั้งนี้ คาดว่าต้องใช้เวลาตรวจสอบสักระยะหนึ่ง
ส่วนหน่วยงานอื่น เช่น กรมพลังงาน สำนักงานขนส่ง รวมทั้งสรรพากร เป็นต้น จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้เข้ามาตรวจสอบ แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบสามารถดำเนินการต่อได้ ทางศูนย์ศูนย์ปฏิบัติการปราบปรามภัยแทรกซ้อน คณะทำงานพิเศษ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้นำหนังสือแจ้งให้ต้นสังกัดทราบแล้ว เพื่อให้มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน
พ.อ.จตุพร ยังกล่าวอีกว่า นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ “เสี่ยโจ้” มีเงินเข้าออกบัญชีจำนวนหลายร้อยล้านบาท และบางบัญชีมีเงินเข้าผ่านบัญชีมีมูลค่านับพันล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้ทาง ปปง.ตรวจสอบอยู่ ส่วนจะมีการล้มคดีหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่า ทหารจะไม่ยอมเลิกเด็ดขาด โดยจะต้องทำให้เรื่องกระจ่างให้ได้ อาจจะช้าหน่อยแต่ไม่เป็นไร เนื่องจากเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มหาศาล ไม่เว้นแม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐบางคนที่เห็นชอบ และรับผลประโยชน์จากธุรกิจที่ผิดกฎหมาย จึงไม่แปลกที่ทำให้คดีนี้ล่าช้าไม่คืบหน้าเท่าที่ควร แม้ว่าพบเห็นกระทำผิดซึ่งหน้าแต่ก็ไม่สามารถกล่าวหาเขาได้ เพราะต้องรอหน่วยงานที่เกี่ยวเข้าตรวจสอบเสียก่อน
วันนี้ (2 พ.ย.) พ.อ.จตุพร กลัมพสุต หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการปราบปรามภัยแทรกซ้อน คณะทำงานพิเศษ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยความคืบหน้าของคดีการจับกุมนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ “เสี่ยโจ้” ตามหมายจับของ DSI ในข้อหาหลบหลีกภาษีสรรพากร ซึ่งถูกตรวจค้นเมื่อวันที่ 17 ต.ค. ที่ผ่านมา จนกระทั่งล่าสุด ผู้ต้องหาได้นำทนายความมามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ DSI สำนักงานที่กรุงเทพมหานคร และได้รับการประกันตัวเพื่อสู้คดี
โดยในระหว่างที่นำกำลังเข้าไปแสดงการจับกุมผู้ต้องหาดังกล่าวที่บ้านเลขที่ 103/49 ถ.นาเกลือ ม.8 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี ซึ่งตั้งอยู่ภายในโรงไม้ขนาดใหญ่ของ หจก.สหทรัพย์ทวีวูดส์อินดัสรี้ พบไม้ภายในโรงเก็บไม้ และภายนอกโรงเก็บเป็นจำนวนมาก นอกจากนั้น ยังพบมีรถยนต์บรรทุก 10 ล้อติดแท็งก์น้ำมัน จำนวน 2 คัน และรถบรรทุกห้องเย็นขนาด 10 ล้อ จำนวน 2 คัน จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบเป็นรถที่ดัดแปลง และปลอมแปลงเอกสาร จึงได้ประสานกับหน่วยงานต้นสังกัดให้เข้ามาร่วมการตรวจสอบ เพื่อจะดำเนินการแจ้งกล่าวข้อหาเพิ่ม และจนถึงวันนี้ (2 พ.ย.) ยังไม่มีหน่วยงานงานไหนเข้ามาตรวจสอบ แม้จะล่วงเลยเวลาเกือบ 3 สัปดาห์แล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของไม้ที่พบจำนวนมาก หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ปน.2 กรมป่าไม้ ได้เข้าร่วมตรวจสอบไม้ดังกล่าวที่โรงไม้ หจก.สหทรัพย์ฯ โดยมีการตรวจสอบไม้ และเอกสารที่ทาง หจก.สหทรัพย์ฯ อ้างว่าเป็นไม้ที่นำเข้ามาจากประเทศลาวว่าตรงกัน และถูกต้องหรือไม่ ทั้งนี้ คาดว่าต้องใช้เวลาตรวจสอบสักระยะหนึ่ง
ส่วนหน่วยงานอื่น เช่น กรมพลังงาน สำนักงานขนส่ง รวมทั้งสรรพากร เป็นต้น จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้เข้ามาตรวจสอบ แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบสามารถดำเนินการต่อได้ ทางศูนย์ศูนย์ปฏิบัติการปราบปรามภัยแทรกซ้อน คณะทำงานพิเศษ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้นำหนังสือแจ้งให้ต้นสังกัดทราบแล้ว เพื่อให้มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วน
พ.อ.จตุพร ยังกล่าวอีกว่า นายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ “เสี่ยโจ้” มีเงินเข้าออกบัญชีจำนวนหลายร้อยล้านบาท และบางบัญชีมีเงินเข้าผ่านบัญชีมีมูลค่านับพันล้านบาท ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้ทาง ปปง.ตรวจสอบอยู่ ส่วนจะมีการล้มคดีหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่า ทหารจะไม่ยอมเลิกเด็ดขาด โดยจะต้องทำให้เรื่องกระจ่างให้ได้ อาจจะช้าหน่อยแต่ไม่เป็นไร เนื่องจากเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มหาศาล ไม่เว้นแม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐบางคนที่เห็นชอบ และรับผลประโยชน์จากธุรกิจที่ผิดกฎหมาย จึงไม่แปลกที่ทำให้คดีนี้ล่าช้าไม่คืบหน้าเท่าที่ควร แม้ว่าพบเห็นกระทำผิดซึ่งหน้าแต่ก็ไม่สามารถกล่าวหาเขาได้ เพราะต้องรอหน่วยงานที่เกี่ยวเข้าตรวจสอบเสียก่อน