ปัตตานี - นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย ประสานขอข้อมูลเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังจากพบเบาะแสว่าสื่อมวลชนในพื้นที่รับส่วยจากผู้ค้าน้ำมันเถื่อนรายใหญ่ในภาคใต้ที่ กอ.รมน.บุกทลายรังใน จ.ปัตตานี
จากกรณีที่มีการบุกจับกุม “เสี่ยโจ้” หรือนายสหชัย เจียรเสริมสิน อายุ 44 ปี เจ้าของ หจก.สินทรัพย์ทวีค้าไม้ ที่มีส่วนพัวพันกับการค้าน้ำมันเถื่อน และพบหลักฐานที่มีแนวโน้มว่าได้ส่งส่วยให้เจ้าหน้าที่รัฐ และสื่อมวลชนเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เรื่องนี้รับทราบแล้วแต่ยังไม่เห็นรายชื่อ อย่างไรก็ตาม ยังอยู่กำลังประสานเพื่อขอรายชื่อจากหน่วยงานที่เข้าไปจับกุมผู้ที่ทำผิดกฎหมายค้าน้ำมันเถื่อนที่ดำเนินการโดย กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าอยู่ ถ้าได้รายชื่อชัดเจนเมื่อไหร่ ในฐานะองค์กรสื่อจะตรวจสอบหาข้อเท็จจริง
“กรณีกล่าวหาว่าสื่อมวลชนในพื้นที่รับส่วยจากผู้ค้าผิดกฎหมายจะเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ ถ้าจริง เรามีกระบวนการดำเนินการกับสื่อนั้น โดยหลังจากได้หลักฐานแล้วจะตั้งคณะกรรมการเพื่อสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง ถ้าเป็นจริงตามบัญชีส่วย มีมาตรการคือ ให้สังคมรับทราบเป็นบุคคลนอกรีต ทำผิดจรรยาบรรณ ให้องค์กรอื่นๆ ที่เป็นวิชาชีพสื่อได้รับรู้พฤติกรรม จะได้ไม่รับทำหน้าที่อีกต่อไป ทางสมาคมเราไม่สบายใจ แต่จะพยายามแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อให้สังคมรู้ว่าองค์กรสื่อเชื่อถือได้” นายไชยยงค์กล่าว
ส่วนความคืบหน้าคดีนั้น พ.อ.จตุพร กลัมพสุต หัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามภัยแทรกซ้อน คณะทำงานพิเศษ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้รวบรวมเอกสารที่เป็นหลักฐานการใช้จ่ายเงินของนายสหชัย เจียรเสริมสิน ขณะนี้ได้รับประสานทางโทรศัพท์ว่าจะขอมอบตัวภายใน 1-2 วันนี้ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งทาง พ.อ.จตุพร ไม่ขัดข้อง เพราะได้ออกหมายสั่งไปแล้ว แต่ถ้าไม่ดำเนินการมอบตัวก็ต้องออกหมายจับ ซึ่งการติดต่อมอบตัวเป็นการดี เพื่อมาทำในสิ่งที่ถูกต้อง ต้องชี้แจงเงินที่พบ 21 ล้านบาท และการหมุนเวียนเงินแต่ละเดือนมหาศาลนับพันล้านบาท มีหลักฐานที่มาอย่างไร
สำหรับหลักฐานเอกสารที่เป็นบัญชีส่วยของหน่วยงานราชการหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งใน และนอกพื้นที่ รวมทั้งบัญชีของสื่อมวลชนนั้น ขณะนี้ได้รวบรวมแล้ว และจะนำหลักฐานแจ้งให้แต่ละหน่วยงานทราบเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
สำหรับ “เสี่ยโจ้” เป็นบุคคลสำคัญที่มีเงินหมุนเวียนมหาศาล ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจผิดกฎหมาย เบื้องต้น มีบัญชีการโอนเงินหลายคนในแต่ละวันเป็นเงินนับร้อยล้านบาท มีบัญชีการซื้อขายน้ำมันเถื่อน รวมประมาณ 15 ล้านลิตรต่อเดือน ซึ่งจะต้องทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ส่วนเงินจำนวนมากนั้นจะต้องมีการตรวจสอบอีกว่าเกี่ยวข้องกับคดีความมั่นคงที่เกิดสถานการณ์ภาคใต้หรือไม่ หรือขบวนการอื่นๆ ที่เป็นภัยแทรกซ้อน ซึ่งจะต้องทำให้ชัดเจน เพื่อสังคมจะได้เกิดความสันติสุข
จากกรณีที่มีการบุกจับกุม “เสี่ยโจ้” หรือนายสหชัย เจียรเสริมสิน อายุ 44 ปี เจ้าของ หจก.สินทรัพย์ทวีค้าไม้ ที่มีส่วนพัวพันกับการค้าน้ำมันเถื่อน และพบหลักฐานที่มีแนวโน้มว่าได้ส่งส่วยให้เจ้าหน้าที่รัฐ และสื่อมวลชนเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เรื่องนี้รับทราบแล้วแต่ยังไม่เห็นรายชื่อ อย่างไรก็ตาม ยังอยู่กำลังประสานเพื่อขอรายชื่อจากหน่วยงานที่เข้าไปจับกุมผู้ที่ทำผิดกฎหมายค้าน้ำมันเถื่อนที่ดำเนินการโดย กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าอยู่ ถ้าได้รายชื่อชัดเจนเมื่อไหร่ ในฐานะองค์กรสื่อจะตรวจสอบหาข้อเท็จจริง
“กรณีกล่าวหาว่าสื่อมวลชนในพื้นที่รับส่วยจากผู้ค้าผิดกฎหมายจะเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ ถ้าจริง เรามีกระบวนการดำเนินการกับสื่อนั้น โดยหลังจากได้หลักฐานแล้วจะตั้งคณะกรรมการเพื่อสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริง ถ้าเป็นจริงตามบัญชีส่วย มีมาตรการคือ ให้สังคมรับทราบเป็นบุคคลนอกรีต ทำผิดจรรยาบรรณ ให้องค์กรอื่นๆ ที่เป็นวิชาชีพสื่อได้รับรู้พฤติกรรม จะได้ไม่รับทำหน้าที่อีกต่อไป ทางสมาคมเราไม่สบายใจ แต่จะพยายามแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อให้สังคมรู้ว่าองค์กรสื่อเชื่อถือได้” นายไชยยงค์กล่าว
ส่วนความคืบหน้าคดีนั้น พ.อ.จตุพร กลัมพสุต หัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามภัยแทรกซ้อน คณะทำงานพิเศษ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้รวบรวมเอกสารที่เป็นหลักฐานการใช้จ่ายเงินของนายสหชัย เจียรเสริมสิน ขณะนี้ได้รับประสานทางโทรศัพท์ว่าจะขอมอบตัวภายใน 1-2 วันนี้ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งทาง พ.อ.จตุพร ไม่ขัดข้อง เพราะได้ออกหมายสั่งไปแล้ว แต่ถ้าไม่ดำเนินการมอบตัวก็ต้องออกหมายจับ ซึ่งการติดต่อมอบตัวเป็นการดี เพื่อมาทำในสิ่งที่ถูกต้อง ต้องชี้แจงเงินที่พบ 21 ล้านบาท และการหมุนเวียนเงินแต่ละเดือนมหาศาลนับพันล้านบาท มีหลักฐานที่มาอย่างไร
สำหรับหลักฐานเอกสารที่เป็นบัญชีส่วยของหน่วยงานราชการหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งใน และนอกพื้นที่ รวมทั้งบัญชีของสื่อมวลชนนั้น ขณะนี้ได้รวบรวมแล้ว และจะนำหลักฐานแจ้งให้แต่ละหน่วยงานทราบเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
สำหรับ “เสี่ยโจ้” เป็นบุคคลสำคัญที่มีเงินหมุนเวียนมหาศาล ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจผิดกฎหมาย เบื้องต้น มีบัญชีการโอนเงินหลายคนในแต่ละวันเป็นเงินนับร้อยล้านบาท มีบัญชีการซื้อขายน้ำมันเถื่อน รวมประมาณ 15 ล้านลิตรต่อเดือน ซึ่งจะต้องทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ส่วนเงินจำนวนมากนั้นจะต้องมีการตรวจสอบอีกว่าเกี่ยวข้องกับคดีความมั่นคงที่เกิดสถานการณ์ภาคใต้หรือไม่ หรือขบวนการอื่นๆ ที่เป็นภัยแทรกซ้อน ซึ่งจะต้องทำให้ชัดเจน เพื่อสังคมจะได้เกิดความสันติสุข
