“เสี่ยโจ้” โต้ข่าวค้าน้ำมันเถื่อน อ้างแค่รับจ้างขนน้ำมันไปยังประเทศที่สาม

ปัตตานี - “เสี่ยโจ้” ยอมเปิดปากโต้ข่าวปัดทุกข้อกล่าวหา อ้างไม่ได้ค้าน้ำมันเถื่อน เพียงรับจ้างบรรทุกน้ำมันจากประเทศเพื่อนบ้านไปยังประเทศที่สามเท่านั้น ส่วนรถบรรทุกที่ใช้ป้ายทะเบียนปลอมก็เป็นของคนอื่นมาฝากจอด ส่วนโพยพนันก็อาจเป็นของลูกน้องที่ตนดูแลไม่ทั่วถึง

วันนี้ (29 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการปราบปรามภัยแทรกซ้อน คณะทำงานพิเศษ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมด้วย นายอนงค์ มันทะติ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าไม้ปัตตานี นำเจ้าหน้าที่เข้าไปภายในโรงไม้ของห้างหุ้นส่วนสหทรัพย์ทวีวู๊ดอินดัสรี้ ของนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ “เสี่ยโจ้” อีกครั้ง

โดยโรงไม้ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่เขตอุตสาหกรรมพิเศษ อบจ.ปัตตานี ม.8 ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี ทั้งนี้ เพื่อเข้าตรวจสอบไม้แปรรูปขนาดใหญ่ และมีอยู่เป็นจำนวนมากว่าเป็นไม้ที่ได้ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย แต่ยังไม่สามารถตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ แม้จะได้รับการประสานงานมาแล้วก็ตาม

และภายในโรงไม้ดังกล่าว นอกจากจะมีไม้แปรรูปขนาดใหญ่แล้ว ยังพบว่ามีรถบรรทุกดัดแปลงซึ่งเบื้องต้นพบว่า ใช้ป้ายทะเบียนปลอม รวมทั้งโพยการพนัน ซึ่งล้วนต้องรอการตรวจสอบจากผู้ชำนาญการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะหน่วยงานขนส่ง หน่วยงานสรรพากร เป็นต้น ซึ่งยังไม่มีการตรวจสอบแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่ทางของกลางถูกสั่งห้ามเคลื่อนย้ายออกจากโรงไม้แห่งนี้รวมเวลา 2 สัปดาห์มาแล้ว จนถึงวันนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถที่จะแจ้งข้อกล่าวหา หรือกล่าวโทษให้แก่เจ้าของห้างหุ้นส่วนดังกล่าวได้เลย ทั้งๆ ที่เป็นการกระทำผิดซึ่งหน้า

ด้านนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ “เสี่ยโจ้” อายุ 44 ปี เจ้าของห้างหุ้นส่วนสหทรัพย์ฯ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ทางบริษัทเราไม่ได้ประกอบอาชีพที่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด เราไม่ได้ค้าน้ำมันเถื่อน เราเพียงรับจ้างบรรทุกน้ำมันจากประเทศเพื่อนบ้านไปยังประเทศที่สาม โดยใช้เส้นทางน้ำน่านน้ำสากล ไม่ได้รับจ้างบรรทุกเข้ามาในจังหวัดปัตตานี ส่วนเรื่องการจ่ายผลประโยชน์ให้เจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งสื่อมวลชนนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะผมไม่ได้จ่ายให้แก่ใคร ทำไมผมต้องจ่ายให้ด้วย โดยเฉพาะสื่อมวลชนต้องยอมรับว่าผมไม่ได้รู้จักกับสื่อคนไหนเลย ภายหลังเกิดเหตุได้มีสื่อมวลชนคนหนึ่งโทรศัพท์มาหาผม อาจเป็นเพราะที่ผ่านมาผมอาจเคยให้อะไรน้องๆ ก็เลยวิตก

ส่วนไม้ทั้งหมดภายในโรงงานนั้นเป็นไม้ที่ได้นำเข้ามาจากประเทศลาว หลังจากที่ทางเราได้ร่วมลงทุนกับลาวในการทำสัมปทานป่าไม้ โดยลำเลียงรถยนต์ผ่านด่านของ จ.หนองคาย และ จ.บึงกาฬ ปีละประมาณ 2,000-3,000 ลูกบาศก์เมตร

นอกจากนั้น นายสหชัยยังกล่าวอีกว่า รถยนต์บรรทุกดัดแปลงทั้ง 4 คัน เป็นของคนอื่นมาฝากจอดไว้ เพราะโรงไม้ของตนมีเนื้อที่กว้าง 30 ไร่ ส่วนเอกสาร หรือใบเสร็จเงินคล้ายโพยพนันนั้นก็เป็นของคนอื่น ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเป็นของใคร อาจเป็นของใครเข้ามาฝากไว้ให้แก่ลูกน้องก็ได้ เพราะตนดูแลลูกน้องไม่ทั่วถึง