ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชาวบ้านเกาะราชาใหญ่ ยื่นหนังสือจี้ผู้ว่าฯ ภูเก็ต ตรวจสอบโรงแรมบนเกาะปรับหน้าดินถมลงทะเล เผยยื่นหนังสือร้องเรียนหลายครั้งแต่ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหา
เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต นายสฤษด์ จันทร์ดี ประธานชมรมอนุรักษ์และป้องกันตนเองเกาะราชาใหญ่ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เข้ายื่นหนังสือผ่านทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เรียกร้องให้แก้ไขปัญหาบนเกาะราชา โดยเฉพาะเรื่องของการขุดปรับถมดินลงในทะเลของเอกชนรายหนึ่งบนเกาะราชา โดยมี นายประเจียด อักษรธรรมกุล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต และนายประพันธ์ ขรรค์พระแสง หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต รับเรื่องร้องเรียน
นายสฤษด์ กล่าวถึงการเดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้ว่า สืบเนื่องจากขณะนี้ทรัพยากรธรรมชาติบนเกาะราชา ซึ่งเป็นเกาะที่มีความสวยงาม และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดภูเก็ต กำลังถูกทำลายอย่างหนัก จากฝีมือของผู้ประกอบการบางรายที่ไม่ได้คำนึงถึงการรักษาสภาพสิ่งแวดล้อม และที่ผ่านมา ทางชมรมอุรักษ์และป้องกันตนเองเกาะราชาใหญ่ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนเพื่อให้มีการตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาบ่อยครั้ง แต่ปัญหาต่างๆ ก็ไม่ค่อยได้รับการแก้ไข และยังคงมีการทำลายทรัพยากรธรรมชาติอยู่อย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวบ้านพบเห็นมีการปรับถมหน้าดินลงทะเลที่บริเวณอ่าวสยาม เกาะราชาใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติอย่างร้ายแรงที่สุด เพราะจะส่งผลกระต่อทรัพยากรในทะเลเป็นอย่างมาก ทั้งเรื่องของสัตว์น้ำ และเรื่องของแนวปะการัง จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้ความสำคัญ และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นบนเกาะราชาโดยเร็วที่สุด
โดยในเบื้องต้น อยากร้องขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต สั่งการไปยังเทศบาลตำบลราไวย์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปตรวจสอบระงับแก้ไขปัญหา และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพราะถ้าปล่อยให้ล่าช้า ทรัพยากรธรรมชาติจะถูกทำลายไปมากกว่านี้ เพราะขณะนี้ ผู้ประกอบการยังคงเดินหน้าปรับถมหน้าดินอยู่
ขณะที่นายประพันธ์ กล่าวภายหลังรับหนังสือร้องเรียนว่า หลังจากรับหนังสือร้องเรียนแล้ว จะรายงานให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดทราบ พร้อมตั้งคณะกรรมการลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งจะลงไปตรวจสอบปัญหาข้อร้องเรียนโดยเร็วที่สุด ซึ่งเรื่องของสิ่งแวดล้อมนั้นถือเป็นนโยบายหลักของทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตที่ให้ความสำคัญในการป้องไม่ให้ถูกทำลาย
เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต นายสฤษด์ จันทร์ดี ประธานชมรมอนุรักษ์และป้องกันตนเองเกาะราชาใหญ่ ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เข้ายื่นหนังสือผ่านทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เรียกร้องให้แก้ไขปัญหาบนเกาะราชา โดยเฉพาะเรื่องของการขุดปรับถมดินลงในทะเลของเอกชนรายหนึ่งบนเกาะราชา โดยมี นายประเจียด อักษรธรรมกุล หัวหน้าสำนักงานจังหวัดภูเก็ต และนายประพันธ์ ขรรค์พระแสง หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดภูเก็ต รับเรื่องร้องเรียน
นายสฤษด์ กล่าวถึงการเดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตในครั้งนี้ว่า สืบเนื่องจากขณะนี้ทรัพยากรธรรมชาติบนเกาะราชา ซึ่งเป็นเกาะที่มีความสวยงาม และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดภูเก็ต กำลังถูกทำลายอย่างหนัก จากฝีมือของผู้ประกอบการบางรายที่ไม่ได้คำนึงถึงการรักษาสภาพสิ่งแวดล้อม และที่ผ่านมา ทางชมรมอุรักษ์และป้องกันตนเองเกาะราชาใหญ่ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนเพื่อให้มีการตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาบ่อยครั้ง แต่ปัญหาต่างๆ ก็ไม่ค่อยได้รับการแก้ไข และยังคงมีการทำลายทรัพยากรธรรมชาติอยู่อย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวบ้านพบเห็นมีการปรับถมหน้าดินลงทะเลที่บริเวณอ่าวสยาม เกาะราชาใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติอย่างร้ายแรงที่สุด เพราะจะส่งผลกระต่อทรัพยากรในทะเลเป็นอย่างมาก ทั้งเรื่องของสัตว์น้ำ และเรื่องของแนวปะการัง จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ให้ความสำคัญ และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นบนเกาะราชาโดยเร็วที่สุด
โดยในเบื้องต้น อยากร้องขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต สั่งการไปยังเทศบาลตำบลราไวย์ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าไปตรวจสอบระงับแก้ไขปัญหา และบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพราะถ้าปล่อยให้ล่าช้า ทรัพยากรธรรมชาติจะถูกทำลายไปมากกว่านี้ เพราะขณะนี้ ผู้ประกอบการยังคงเดินหน้าปรับถมหน้าดินอยู่
ขณะที่นายประพันธ์ กล่าวภายหลังรับหนังสือร้องเรียนว่า หลังจากรับหนังสือร้องเรียนแล้ว จะรายงานให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดทราบ พร้อมตั้งคณะกรรมการลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งจะลงไปตรวจสอบปัญหาข้อร้องเรียนโดยเร็วที่สุด ซึ่งเรื่องของสิ่งแวดล้อมนั้นถือเป็นนโยบายหลักของทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตที่ให้ความสำคัญในการป้องไม่ให้ถูกทำลาย
