ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - “ปานเทพ” แจงเหตุไม่ร่วมชุมนุมสนามม้านางเลิ้ง ระบุยังไม่เปิดหน้าไพ่ ยันยังคงยืนหยัดสู้เพื่อประโยชน์ของชาติ เตรียมเป่านกหวีดระดมพลหากรัฐบาลตรากฎหมายเปลี่ยนโครงสร้างอำนาจกษัตริย์ และช่วยเหลือ นช.ทักษิณ ลั่นเดินหน้าร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียมใหม่อังคารนี้
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แกนนำพันมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2 ขึ้นเวทีเสวนา “เดินหน้ารวมพลัง ปฏิรูปประเทศไทย” ซึ่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.นครศรีธรรมราช ร่วมกันจัดขึ้นที่โรงละครศาลาประชาคม สนามหน้าเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (28 ต.ค.) กล่าวชี้แจงเหตุผลที่แกนนำพันธมิตรฯ ไม่เดินหน้าเข้าร่วมชุมนุมกับ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ “เสธ.อ้าย” ที่ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย หรือสนามม้านางเลิ้ง ในเช้าวันนี้ว่า เป็นยุทธวิธีที่กลุ่มแกนนำพันธมิตรฯ หารือจนได้ข้อสรุปร่วมกันแล้วว่า จะยังไม่เข้าร่วมการชุมนุมดังกล่าว
โดย อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ กล่าวขยายความว่า ผู้เข้าร่วมชุมนุมที่สนามม้านางเลิ้งในขณะนี้มีหลายกลุ่มมาก ทั้งพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กลุ่มสันติอโศก กลุ่มที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ กองทัพปลดแอกประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และอีกหลายกลุ่มที่ยังไม่ได้กล่าวถึง ทั้งนี้ ถือเป็นการแสดงออกถึงความอึดอัดของประชาชนที่มีต่อสถานการณ์ของรัฐบาลที่กำลังบริหารบ้านเมืองในขณะนี้ การชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยามที่นำโดย เสธ.อ้าย นั้น มีคนเข้าร่วมถึง 3 กลุ่ม เนื่องจากมีคนจำนวนมากไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลชุดนี้ที่มีคนในคณะรัฐบาลแสดงตนจาบจ้างพระมหากษัตริย์ เป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร รวมทั้งมีพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชัน
ทั้งนี้ ในส่วนของแกนนำพันธมิตรฯ นั้น มีมติตรงกันว่า จะเป่านกหวีดระดมพลพี่น้องพันธมิตรฯ ทั่วประเทศเดินหน้าชุมนุมทันทีถ้าหากรัฐบาลตรากฎหมายเพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอำนาจของพระมหากษัตริย์ รวมทั้งตรากฎหมายที่เอื้อต่อการช่วยเหลือนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร สำหรับประเด็นอื่นๆ เช่น การทวงคืนพื้นที่ชายแดนไทย-เขมร หรือการตวจสอบกระบวนการทำงานของรัฐบาลนั้น ไม่ใช่ว่าแกนนำพันธมิตรฯ จะไม่ให้ความสนใจ แต่เป็นเพราะมีกระบวนการอื่นๆ ในการดำเนินการที่ไม่ต้องใช้การชุมนุมก็ได้ เช่น การตรวจสอบรัฐบาลด้วยการนำเสนอข่าวใน “เอเอสทีวี”
ส่วนสาเหตุที่เลือกประเด็นหลัก 2 ข้อนี้ในการเรียกร้องพี่น้องพันธมิตรฯ ให้รวมตัวชุมนุมนั้น เพราะเห็นว่าเป็นประเด็นที่ชัดเจน คุ้มค่าที่จะนำพี่น้องพันธมิตรฯ ออกมาเสี่ยงอันตรายเพื่อเรียกร้องความถูกต้อง เนื่องจากเชื่อว่าถ้าเปลี่ยนขั้วอำนาจใหม่ ไม่ว่ารัฐบาลชุดใหม่จะได้มาจากรัฐประหาร หรือจะเป็นรัฐบาลประชาธิปัตย์ เขาย่อมไม่ทำ 2 สิ่งนี้แน่ นอกจากนี้ ยังมีเงื่อนไขข้อที่ 3 ว่า ถ้าแกนนำพันธมิตรฯ จะนำพี่น้องลุกขึ้นมาเสี่ยงอันตราย ก็ขอให้เป็นไปเพื่อการปฏิรูปประเทศใหม่เท่านั้น เมื่อพี่น้องพันธมิตรฯ เข้าใจเหตุผลหลักทั้ง 3 ข้อแล้ว ก็จะเข้าใจว่าเราไม่ได้ชุมนุมกันตามอารมณ์ หรือใดๆ ทั้งสิ้น
“ถ้าเราสู้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ ไม่ใช่สู้เพื่อขั้วการเมืองใดการเมืองหนึ่ง เรามีโอกาสชนะการเมืองทุกขั้ว ถ้าประชาชนตื่นรู้แล้วเขาจะก้าวข้ามขั้วอำนาจ มาสู้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนอย่างเดียวเท่านั้น” อ.ปานเทพกล่าวและเสริมต่อว่า
วันแรก เสธ.อ้าย ประกาศทิศทางการต่อสู้ 3 ข้อ แต่เย็นวันนี้เขาจะประกาศทำสงครามกับผู้ที่คิดล้มล้างกษัตริย์ ประกาศทวงคืน ปตท. และประกาศทำสงครามกับผู้ทุจริตคอร์รัปชันด้วย ซึ่งการที่จะประกาศ 3 หัวข้อนี้นั้น แสดงว่าต้องมีคนไปพูดกับ เสธ.อ้าย ว่าต้องเลิกสู้เพื่อขั้วอำนาจ และหันมาสู้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชนแทน
การที่ เสธ.อ้าย พลั้งพลาดไปเจอ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง และชนแก้วไวน์ 1 ครั้ง เป็นภาพที่กระทบกระเทือนใจประชาชนจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม เสธ.อ้าย ประกาศว่า การชุมนุมวันนี้จะจบในเวลา 17.00 น. และเจอกันอีก 1 เดือนหลังจากนี้ แล้วจะยกระดับการชุมนุมเป็นขับไล่รัฐบาลม้วนเดียวจบ
พี่น้องพันธมิตรฯ เป็นคนไทยกลุ่มแรกที่ก้าวข้ามเรื่องขั้วอำนาจมาต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ถ้า เสธ.อ้าย สู้ม้วนเดียวจบแล้วไม่จบ ถ้าแกนนำพันธมิตรฯ เข้าร่วมตั้งแต่แรกก็จะสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์ และเป็นการสูญเสียพร้อมกันถึง 2 องค์กร ดังนั้น การที่แกนนำพันธมิตรฯ ไม่เข้าร่วมชุมนุมจึงเป็นหลักประกันชั้นที่ 2 ของภาคประชาชน ไม่ว่าเขาจะชนะหรือไม่ ก็จะยังมีแกนนำพันธมิตรฯ ยืนหยัดต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติอีกกลุ่มหนึ่ง
การที่แกนนำพันธมิตรฯ ยังไม่ออกมา แปลว่ายังไม่เปิดหน้าไพ่ เมื่อพี่น้องเข้าใจตรงนี้ ก็จะเห็นภาพว่า ถ้าสำเร็จเราก็ให้รู้ว่าเราจะเรียกร้องการปฏิรูป ถ้าไม่สำเร็จก็จะยังมีพันธมิตรฯ เป็นหลักในการต่อสู้เพื่อเรียกร้องให้เกิดการปฏิรูปต่อไป เพราะฉะนั้น ในก้าวต่อไปของพันธมิตรฯ เราต้องพูดเรื่องการยกเลิก พ.ร.บ. ปิโตรเลียม ปี 2514 แล้วเริ่มร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียมใหม่หมดเลย มันต้องสู้ในประเด็นชัดๆ แบบนี้ จึงจะเห็นว่าประชาชนได้ประโยชน์อะไร และวันอังคารที่จะถึงนี้ คณะทำงานจะร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม ขึ้นมาใหม่ โดยมีทนายสุวัฒน์ อภัยพัฒน์, อ.ณรงค์ โชควัฒนา, อ.ประสิทธิ์ ชัยทองพันธ์, พ.ท.รัฐเขต แจ้งจำรัส และ อ.ปานเทพ พงษ์พัวพัน ร่วมทำงาน
การแก้กฎหมายคอร์รัปชันให้ไม่มีกำหนดอายุความ ไม่ใช่เรื่องของขั้วอำนาจ แต่เป็นการวัดใจขีดเส้นระหว่างประชาชนกับนักการเมือง ถ้าประชาชนเริ่มตื่นรู้เรื่องผลประโยชน์ของตัวเอง โดยไม่แยกสีแยกฝ่ายแล้ว เขาจะไล่ทุกนักการเมืองที่โกงกินคอร์รัปชัน ทั้งนี้ กฎหมายเอาผิดนักการเมืองไม่มีอายุความ และแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียม คือ ส่วนหนึ่งใน 15 นโยบายที่แกนนำพันธมิตรฯ แถลง ตั้งเป้าต่อสู้เชิงประเด็น เมื่อนักการเมืองไม่ยอมรับ แต่ประชาชนส่วนใหญ่เอาด้วย ก็จะเกิดการปฏิรูปโดยประชาชาชน จะเกิดการเดินขบวนครั้งใหญ่ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศอย่างแท้จริง
จากนั้น พล.ต.จำลอง ศรีเมือง พูดเสริมต่อว่า การที่ เสธ.อ้าย นัดชุมนุม เราเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี ไม่ว่าใครกลุ่มไหนลุกขึ้นมาเพื่อท้วงติงรัฐบาลก็เป็นเรื่องดีทั้งนั้น พันธมิตรฯ ให้กำลังใจสนามม้านางเลิ้งให้ประสบความสำเร็จในการชุมนุม แต่ที่เราไม่พร้อมไปร่วมด้วย ก็ตามเหตุผลที่ อ.ปานเทพ ชี้แจงไปแล้ว นอกเหนือจากนั้น พวกผมนัดพี่น้องนครศรีฯ ไว้แล้วยกเลิกนัด ก็จะเป็นการใจดำจนเกินไปอีกด้วย
“เสธ.อ้าย เป็นรุ่นน้อง จปร.ผม 5 ปี สิ่งที่ เสธ.อ้าย เพลี่ยงพล้ำคือ การนัดทานข้าวกับ ร.ต.อ.เฉลิม จะไปคัดค้านรัฐบาล หัวหน้ารัฐบาลนัดกินข้าว ดันไปรับนัดเขาได้ อย่างนี้เรียกว่าเสียทางทางการเมืองนิดหน่อย ร้อยวันพันปีทำไมเฉลิมไม่นัด หรือไม่ก็บอกว่าหลังการชุมนุมเสร็จค่อยเจอกันก็ได้ เราต้องให้กำลังใจกันอย่างเต็มที่ วันนี้ชาวกองทัพธรรม หรือสันติอโศกไปสนามม้ากันแน่น แต่ประธานกองทัพธรรมอยู่ที่นี่ครับ!!!” พล.ต.จำลองกล่าว