ระนอง - สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประชุมรับฟังความคิดเห็น ก่อนพิจารณา ประกาศให้แหล่งที่พบพลับพลึงธารเป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ขณะที่ชาวบ้านตำบลนาคา รวมตัวกันประท้วง เรียกร้องให้ระงับขุดลอกคลอง เกรงกระทบต่อระบบนิเวศของพลับพลึงธาร
นายณรงค์ รักร้อย หัวหน้าสำนักงานจังหวัดระนอง เป็นประธานในการประชุมร่วมกับคณะทำงานจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้เดินทางมาจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนนำไปพิจารณาในระดับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ในการประกาศให้แหล่งที่พบพลับพลึงธารเป็นพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม เนื่องจากพลับพลึงธารซึ่งเป็นว่านน้ำสายพันธุ์หนึ่ง และพบแห่งเดียวในโลกที่จังหวัดระนองตอนล่าง และจังหวัดพังงานตอนบนได้ลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วจนใกล้สูญพันธุ์
สำหรับข้อเสนอเกี่ยวกับมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมแหล่งพลับพลึงธารที่ตั้งไว้เบื้องต้นในแบบสำรวจความคิดเห็น ประกอบด้วย 6 มาตรการ เช่น ห้ามกระทำการใดๆ ที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสภาพธรรมชาติในเขตแหล่งน้ำที่พบ หรือเคยพบพลับพลึงธาร ส่วนหน่วยงาน หรือเจ้าของโครงการหากจะดำเนินกิจกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อแหล่งพลับพลึงธารก็จะต้องจัดให้มีเวทีประชาคม เพื่อนำเสนอข้อมูล และรับฟังความคิดเห็นจากท้องถิ่นก่อนสรุปผลเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการระดับจังหวัดด้วย
ขณะที่นางนฤมล ขรภูมิ ประธานหอการค้าจังหวัดระนองกล่าวขอความคิดเห็นของชาวบ้านที่เข้าร่วมประชุมในการเสนอให้มีการประกาศพื้นที่ที่พบพลับพลึงธารโดยเฉพาะคลองนาคา อ.สุขสำราญ จ.ระนอง เป็นพื้นที่คุ้มครองชั่วคราวในระหว่างการดำเนินงานของ สผ. ซึ่งประชาชนที่เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่เห็นด้วย และมีการออกความเห็นเพิ่มเติมคือ อยากให้มีการพิจารณายกเลิก หรือหยุดการขุดลอกคลองที่จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อพลับพลึงธารทั้งหมด ซึ่งนายสนชัย อุ่ยเต๊กเค่ง นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดระนอง ก็สนับสนุนข้อคิดเห็นดังกล่าว
ส่วนขั้นตอนหลังจากรับฟังความคิดเห็น นายพิเศษ เสนาวงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วมของประชาชนซึ่งเป็น คณะทำงานของ สผ. กล่าวว่า หลังจากสรุป และส่งผลความคิดเห็นของประชาชนแล้วจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาสำรวจพื้นที่ที่พบพลับพลึงธารอีกครั้ง ก่อนนำไปศึกษาเพื่อออกเป็นร่างกฎหมายให้มีการคุ้มครองพื้นที่ และทำการพิจารณาอีกครั้งก่อนทำการประกาศซึ่งยอมรับว่ายังมีอีกหลายขั้นตอน