ปัตตานี - กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ออกโรงแถลงข่าวยันไม่พบ “เจ้าหน้าที่รัฐ-นักข่าว” เอี่ยวส่วยน้ำมันเถื่อนปัตตานี ระบุ ชาวบ้านมีความเชื่อมั่นในมาตรการ รปภ.ของเจ้าหน้าที่มากขึ้นจึงเปิดร้านค้าขายในวันศุกร์นี้สูง 80-90% ในแต่ละพื้นที่ พร้อมเผยตั้งคณะกรรมการอำนวยความสะดวกด้านกระบวนการยุติธรรมสำหรับผู้รายงานตัวแสดงตนเพื่อยุติความรุนแรงแล้ว
วันนี้ (19 ต.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พ.อ. (พิเศษ) ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า จากกรณีที่คณะทำงานพิเศษในการจัดการปัญหาภัยแทรกซ้อน ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ร่วมกับดีเอสไอ ได้ร่วมกันเข้าจับกุมน้ำมันเถื่อนในพื้นที่ อ.เมือง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งสามารถตรวจยึดของกลางได้หลายรายการ รวมทั้งเงินสดกว่า 23 ล้านบาท ในเรื่องนี้ ทางหน่วยงานที่รับผิดชอบอยู่ในระหว่างการดำเนินงานรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ นอกจากประเด็นดังกล่าวแล้ว ยังมีข่าวว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ และสื่อมวลชนบางคนมีส่วนร่วมในการรับส่วยจากพ่อค้าน้ำมันในครั้งนี้ ซึ่งจากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งสื่อมวลชนบางรายที่มีข่าวว่าเข้าไปมีส่วนรับส่วย จากการตรวจสอบเบื้องต้นก็ไม่ปรากฏรายชื่อของสื่อมวลชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการรับส่วยในครั้งนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ทางคณะทำงานก็จะทำการตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง
“ส่วนคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยความสะดวกด้านกระบวนการยุติธรรมสำหรับผู้รายงานตัวแสดงตนเพื่อยุติการต่อสู้ด้วยวิธีรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้แต่งตั้งคณะทำงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประสานงานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้รายงานตัวแสดงตน เพื่อยุติการต่อสู้ด้วยวิธีรุนแรง ให้ได้รับความเป็นธรรมตามกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือ สงเคราะห์ในด้านการต่อสู้คดีความ และการให้การเยียวยาตามความเหมาะสม และได้จัดประชุมคณะกรรมการที่ห้องประชุม มณฑลทหารบกที่ 42 ค่ายเสนาณรงค์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมี พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 เป็นประธาน และมีคณะกรรมการ ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม” พ.อ. (พิเศษ) ปราโมทย์กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ปรึกษาหารือ เพื่อกำหนดแนวทางในการหาทางออกจากความขัดแย้งในประเด็นสำคัญๆ ประกอบด้วย การพิจารณากลั่นกรองบุคคล และแยกบุคคลที่จะมารายงานตัวตามข้อเท็จจริง และพยานหลักฐาน โดยแบ่งเป็นประเภทผู้มีหมายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หมายพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ผู้ที่ควรเฝ้าระวัง และอื่นๆ รวมทั้งการพิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดเงื่อนไข และมาตรการต่างๆ เพื่อการกลับคืนสู่สังคมของผู้มารายงานตัว
ซึ่งในประเด็นดังกล่าว ที่ประชุมได้มีมติให้มีการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณากลั่นกรองในขั้นต้น โดยดูจากบัญชีรายชื่อผู้ที่มีหมายจับประเภทต่างๆ เพื่อดูลักษณะฐานความผิด โดยแยกเป็นกลุ่มๆ ตามพื้นที่จังหวัด และให้คณะกรรมการประสานงาน และรณรงค์เพื่อยุติความขัดแย้ง ซึ่งได้แต่งตั้งไว้ก่อนหน้านี้ ติดต่อประสานงานเพื่อเข้ามารายงานตัว จากนั้น จึงให้คณะกรรมการอำนวยความสะดวกด้านกระบวนการยุติธรรมกลั่นกรองอีกครั้ง ก่อนไปพิจารณาในประเด็นข้อกฎหมายอื่นๆ การพิจารณาอำนวยความเป็นธรรม และการสงเคราะห์เรื่องต่างๆ เช่น การประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน ชั้นอัยการ และชั้นศาล การจัดหาทนายความ และการดูแลความปลอดภัยสำหรับผู้ได้รับการประกันตัว ซึ่งในประเด็นดังกล่าวเป็นความต้องการของผู้ที่ต้องการเข้าแสดงตน
โดยอธิบดีอัยการภาค 9 ชี้แจงว่า เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ต้องหาอยู่แล้ว และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจะดูแลในเรื่องวงเงินประกันตัวให้ตามความเหมาะสม การพิจารณาสั่งฟ้อง ไม่ฟ้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานอัยการ หรืออาจสั่งไม่ฟ้อง เพื่อประโยชน์สาธารณะซึ่งอยู่ในอำนาจ และดุลยพินิจอัยการสูงสุดก็สามารถดำเนินการได้ การพิจารณาในเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาในขั้นตอนต่างๆ รวมทั้งการช่วยเหลือเรื่องอาชีพ และความเป็นอยู่ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้จะเข้ามาดูแลเพื่อให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้
“สำหรับบรรยากาศภาพรวมในการเปิดร้านขายของในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ช่วงเช้าทั้ง 3 จังหวัดในวันนี้ ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และออกมาเปิดร้านจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้นกว่าศุกร์ที่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดสดยะลา ย่านการค้าตลาดเก่ายะลา เมื่อศุกร์ที่แล้วอาจจะเปิดร้านน้อยแต่สัปดาห์นี้เปิดเพิ่มมากขึ้น ในช่วงบ่ายก็เข้าสู่ภาวะปกติ ประมาณร้อยละ 80 ซึ่งเป็นเพราะนโยบายการสร้างความเชื่อมั่น ประชาชนเริ่มเชื่อมั่นมากขึ้น ยกเว้นในบางพื้นที่ที่อยู่รอบนอก
ส่วนจังหวัดปัตตานี ในเขตเมือง เมื่อเช้าจนถึงขณะนี้ ส่วนใหญ่ร้านค้าก็เปิดตามปกติ ร้อยละ 80 ส่วนรอบนอก จ.ปัตตานี ค่อนข้างเงียบเหงา จ.นราธิวาส พื้นที่สุไหงโก-ลก และสุไหงปาดี เปิดร้อยละ 90 พื้นที่เมืองนราธิวาส เปิดร้อยละ 50 ในภาพรวมของทุกอำเภอ 37 อำเภอ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ร้านค้าเปิดร้อยละ 54
อย่างไรก็ตาม ประชาชนเริ่มเชื่อมั่นในมาตรการการดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ภาครัฐเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ผบ.ทบ.ก็ได้สั่งกำชับมายังหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่ว่าต้องสร้างความเชื่อมั่นให้พี่น้องประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ การสร้างความเข้าใจ การสร้างความเชื่อมั่น ทุกหน่วยงานจะต้องทำอย่างต่อเนื่อง และหวังว่าในช่วงต่อไปการทำมาค้าขายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็จะกลับคืนสู่สภาวะปกติในเร็ววันนี้” โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้ากล่าว