ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เลขา ป.ป.ท.ลงภูเก็ตตรวจสอบออกเอกสารสิทธิที่ดิน พบมีหนึ่งแปลงเนื้อที่กว่า 50 ไร่ เซ็นออกโฉนดแล้ว แต่เจ้าพนักงานที่ดินยังไม่ออกให้ ขอรอผลการตรวจสอบของ ป.ป.ท. ให้แล้วเสร็จก่อน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (24 ก.ย.) พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีการร้องเรียนเรื่องออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จำนวน 4 แปลง เพื่อตรวจสอบข้อมูลหลักฐาน ก่อนนำเสนอให้คณะอนุกรรมการ ป.ป.ท.รับคดีไว้ไต่สวน เนื่องจากการตรวจสอบของเจ้าของเจ้าหน้าที่พบว่า น่าจะมีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตั้งแต่ชั้นการออกเอกสาร น.ส.3 ก. และการนำเอกสาร ส.ค.1 จากพื้นที่อื่นมาสวมทับ
ที่ดินที่เข้าตรวจสอบ เป็นกรณีที่มีการร้องเรียนไปยังสายด่วน 1206 ของสำนักงาน ป.ป.ท.ว่า มีความพยามที่จะออกโฉนดที่ดินบริเวณด้านข้างของสนามกอล์ฟแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งที่ดินดังกล่าวเป็นการนำเอกสาร น.ส.3ก.มาขอออกโฉนด น่าสงสัยว่าจะออกโดยไม่ชอบ ซึ่งเจ้าหน้าที่รังวัด และเจ้าหน้าที่ป่าไม้รายงานว่าที่ดินมีสภาพเป็นเขาชันไม่มีการทำประโยชน์ เมื่อไม่มีการทำประโยชน์ก็จะทำให้ไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 43 แม้ที่ดินจะมีน.ส.3ก ก็ตาม
เรื่องนี้สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตได้อ้างว่าควรจะรอการตรวจสอบของสำนักงานป.ป.ท.ก่อน และมีรายงานถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพราะที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขากมลา แต่รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตซึ่งรักษาราชการแทนได้อนุมัติให้ออกโฉนดไปแล้ว เนื้อที่ประมาณ 57 ไร่ แต่ยังไม่มีการลงนามโดยเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า สำหรับการออกเอกสารสิทธิที่ดินในแปลงดังกล่าว จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าการออก น.ส.3ก.ไม่น่าจะออกโดยถูกต้อง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ยืนยันว่าอยู่ในพื้นที่ป่าไม้ ไม่มีการทำประโยชน์ ซึ่งจะเร่งตรวจสอบให้เสร็จโดยเร็วที่สุดเพื่อให้เกิดความยุติธรรมทุกฝ่าย จากข้อมูลเบื้องต้น ที่ตรวจสอบพบน่าเชื่อว่ามีนอมินีถือครองที่ดินแทนแกนนำเสื้อแดง
สำหรับแปลงที่ 2 ที่ลงตรวจสอบในครั้งนี้เป็นที่ดินขอออกโฉนดเลขที่ 14479 ต.ป่าตอง อ.กะทู้ อยู่บริเวณควนหินตั้ง หมู่ที่ 5 ตำป่าตอง อ.กะทู้ เนื้อที่กว่า 2 ไร่ จากการตรวจสอบพบว่ามีการปลอมใบแทนส.ค.1เลขที่ 357 หมู่ที่ 1 ต.ป่าตอง อ.กะทู้ ซึ่งอ้างว่าชำรุดที่บริเวณแนวเขตที่ดิน และออกส.ค.1 ใบใหม่ขึ้นมาทดแทน เพื่อให้ ส.ค.1 มีที่ข้างเคียงติดทะเล และนำมาออกโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าว นอกจากนั้น จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าบริเวณที่ดินดังกล่าวมีการขึ้นทะเบียนเป็นที่สงวนเลี้ยงสัตว์ควนหินตั้งเนื้อที่ 180 ไร่ เมื่อปี 2480 ซึ่งไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ และเมื่อปี 2551 ทางอำเภอกะทู้ และเทศบาลป่าตองได้ยื่นขอออกหนังสือสำคัญที่หลวงไว้ด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับการตรวจสอบที่ดินแปลงนี้ได้มีนายวีระชัย ทองหอม อายุ 53 ปี อ้างว่าเป็นทายาทเจ้าของส.ค.1 เลขที่ 357 มายืนยันว่าที่ผ่านมานายแก้ว ทองหอมซึ่งเป็นเจ้าของส.ค.1 ไม่เคยมีที่ดินอยู่ในบริเวณควนหินตั้งแต่อย่างใด และส.ค.1ที่มานำขอออกโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ในพื้นที่หมู่ 1 ซอยโคนยาง ซึ่งตนเพิ่งไปขอคัดสำเนามาและยื่นยันว่าส.ค.1เลขที่ 357 ไม่ได้อยู่ที่บริเวณควนหินตั้งแน่นอน และก่อนหน้านี้เคยมีคนมาแจ้งให้ญาติเซ็นโอนส.ค.1ดังกล่าวให้ แต่ก็ไม่ได้เซ็นต์ไปเพราะไม่รู้ว่าที่ดินอยู่ตรงไหน ออกเอกสารสิทธิได้ จึงมีความพยายาม จะทำให้ที่ดินอยู่นอกเขตพื้นที่ที่มีการรังวัด อย่างไรก็ตาม สำหรับที่ดินแปลงนี้น่าจะเป็นของนักการเมืองฝ่ายค้านคนหนึ่งที่มีนอมินีถือครองแทน
สำหรับแปลงที่ 3 ที่เข้าตรวจสอบในครั้งนี้ เป็นที่ดินที่ที่กำลังมีการก่อสร้างบริเวณทางขึ้นเขากมลา บ้านนาคาเล ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งที่ดินแปลงดังกล่าวใช้ ส.ค.1 เนื้อที่ 4 ไร่ มาออกเป็นโฉนดที่ดินเนื้อที่ 25 ไร่ ซึ่ง ส.ค.1 ดังกล่าวบอกว่ามีชื่อนายแก้ว ทองหอม เป็นเจ้าของ ซึ่งทายาทของนายแก้วยืนยันว่า ที่ไม่เคยมีที่ดินอยู่ในบริเวณดังกล่าว ซึ่งการดำเนินการสำหรับแปลงนี้จะต้องดำเนินการตรวจสอบ และได้ทำหนังสือแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดให้ตรวจสอบเรื่องนี้ พร้อมทำหนังสือถึงนายกองค์การบริหารส่วนตำบลกมลาให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ส่วนแปลงที่ 4 เลขาฯ ป.ป.ท.พร้อมคณะได้เข้าตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส.3ก.เลขที่ 1723,1724 ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการออกโฉนด เนื้อที่ 25 ไร่ และจากการตรวจสอบพบว่าที่ดินดังกล่าวเป็นเขาสูงชัน เป็นป่ารกทึบ และด้านล่างติดทะเลตลอดแนว จากการตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศเมื่อปี 2519 พบว่าที่ดินไม่มีการทำประโยชน์ และปัจจุบันยังมีสภาพเป็นป่ารก ซึ่งการเข้าตรวจสอบที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นไปตามข้อมูลที่ได้รับการร้องเรียนไปยังสายด่อน 1206 ของสำนักงานป.ป.ท.ขอให้มีการตรวจสอบที่ดินดังกล่าวเพราะก่อนหน้านี้ทางดีเอสไอ เคยลงมาตรวจสอบแล้วครั้งหนึ่งแต่เรื่องเงียบไป และจากการตรวจสอบของป.ป.ท.พบว่าไม่น่าจะออกเอกสารสิทธิถูกต้องตามกฎหมาย และจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าอยู่บริเวณเทือกเขากมลา
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวถึงปัญหาการออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยไม่ถูกต้องในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ ซึ่งป.ป.ท.ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ระมัดระวังในเรื่องของการออกเอกสารสิทธิที่ดิน เพราะถ้าพบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องก็จะส่งเรื่องให้ปปช. เข้าไปดำเนินการ แต่อย่างไรก็ตาม จากการดำเนินการพบว่ายังมีเจ้าหน้าที่อีกหลายรายที่ยังมีหัวใจสีขาว ซึ่งได้ทำบันทึกให้รอการตรวจสอบของป.ป.ท.ก่อนที่จะออกเอกสิทธิที่ดิน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตนจะพ้นจากตำแหน่งเลขาฯ ป.ป.ท.แล้ว ก็มั่นใจว่าการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดินจะยังดำเนินการต่อไป และตนก็ยังสามารถดำเนินการได้ เพราะได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องของการปราบปรามการทุจริต และปราบปรามยาเสพติด นอกจากนั้น ตนยังได้สมัครเป็นสมาชิกภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริต 47 ภาคีด้วย เชื่อมั่นว่าการตรวจสอบยังสามารถดำเนินการต่อไปโดยไม่หยุดชะงักแน่นอน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (24 ก.ย.) พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีการร้องเรียนเรื่องออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต จำนวน 4 แปลง เพื่อตรวจสอบข้อมูลหลักฐาน ก่อนนำเสนอให้คณะอนุกรรมการ ป.ป.ท.รับคดีไว้ไต่สวน เนื่องจากการตรวจสอบของเจ้าของเจ้าหน้าที่พบว่า น่าจะมีการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตั้งแต่ชั้นการออกเอกสาร น.ส.3 ก. และการนำเอกสาร ส.ค.1 จากพื้นที่อื่นมาสวมทับ
ที่ดินที่เข้าตรวจสอบ เป็นกรณีที่มีการร้องเรียนไปยังสายด่วน 1206 ของสำนักงาน ป.ป.ท.ว่า มีความพยามที่จะออกโฉนดที่ดินบริเวณด้านข้างของสนามกอล์ฟแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งที่ดินดังกล่าวเป็นการนำเอกสาร น.ส.3ก.มาขอออกโฉนด น่าสงสัยว่าจะออกโดยไม่ชอบ ซึ่งเจ้าหน้าที่รังวัด และเจ้าหน้าที่ป่าไม้รายงานว่าที่ดินมีสภาพเป็นเขาชันไม่มีการทำประโยชน์ เมื่อไม่มีการทำประโยชน์ก็จะทำให้ไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 43 แม้ที่ดินจะมีน.ส.3ก ก็ตาม
เรื่องนี้สำนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ตได้อ้างว่าควรจะรอการตรวจสอบของสำนักงานป.ป.ท.ก่อน และมีรายงานถึงผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพราะที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขากมลา แต่รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตซึ่งรักษาราชการแทนได้อนุมัติให้ออกโฉนดไปแล้ว เนื้อที่ประมาณ 57 ไร่ แต่ยังไม่มีการลงนามโดยเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวว่า สำหรับการออกเอกสารสิทธิที่ดินในแปลงดังกล่าว จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าการออก น.ส.3ก.ไม่น่าจะออกโดยถูกต้อง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ยืนยันว่าอยู่ในพื้นที่ป่าไม้ ไม่มีการทำประโยชน์ ซึ่งจะเร่งตรวจสอบให้เสร็จโดยเร็วที่สุดเพื่อให้เกิดความยุติธรรมทุกฝ่าย จากข้อมูลเบื้องต้น ที่ตรวจสอบพบน่าเชื่อว่ามีนอมินีถือครองที่ดินแทนแกนนำเสื้อแดง
สำหรับแปลงที่ 2 ที่ลงตรวจสอบในครั้งนี้เป็นที่ดินขอออกโฉนดเลขที่ 14479 ต.ป่าตอง อ.กะทู้ อยู่บริเวณควนหินตั้ง หมู่ที่ 5 ตำป่าตอง อ.กะทู้ เนื้อที่กว่า 2 ไร่ จากการตรวจสอบพบว่ามีการปลอมใบแทนส.ค.1เลขที่ 357 หมู่ที่ 1 ต.ป่าตอง อ.กะทู้ ซึ่งอ้างว่าชำรุดที่บริเวณแนวเขตที่ดิน และออกส.ค.1 ใบใหม่ขึ้นมาทดแทน เพื่อให้ ส.ค.1 มีที่ข้างเคียงติดทะเล และนำมาออกโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าว นอกจากนั้น จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าบริเวณที่ดินดังกล่าวมีการขึ้นทะเบียนเป็นที่สงวนเลี้ยงสัตว์ควนหินตั้งเนื้อที่ 180 ไร่ เมื่อปี 2480 ซึ่งไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ และเมื่อปี 2551 ทางอำเภอกะทู้ และเทศบาลป่าตองได้ยื่นขอออกหนังสือสำคัญที่หลวงไว้ด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับการตรวจสอบที่ดินแปลงนี้ได้มีนายวีระชัย ทองหอม อายุ 53 ปี อ้างว่าเป็นทายาทเจ้าของส.ค.1 เลขที่ 357 มายืนยันว่าที่ผ่านมานายแก้ว ทองหอมซึ่งเป็นเจ้าของส.ค.1 ไม่เคยมีที่ดินอยู่ในบริเวณควนหินตั้งแต่อย่างใด และส.ค.1ที่มานำขอออกโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวอยู่ในพื้นที่หมู่ 1 ซอยโคนยาง ซึ่งตนเพิ่งไปขอคัดสำเนามาและยื่นยันว่าส.ค.1เลขที่ 357 ไม่ได้อยู่ที่บริเวณควนหินตั้งแน่นอน และก่อนหน้านี้เคยมีคนมาแจ้งให้ญาติเซ็นโอนส.ค.1ดังกล่าวให้ แต่ก็ไม่ได้เซ็นต์ไปเพราะไม่รู้ว่าที่ดินอยู่ตรงไหน ออกเอกสารสิทธิได้ จึงมีความพยายาม จะทำให้ที่ดินอยู่นอกเขตพื้นที่ที่มีการรังวัด อย่างไรก็ตาม สำหรับที่ดินแปลงนี้น่าจะเป็นของนักการเมืองฝ่ายค้านคนหนึ่งที่มีนอมินีถือครองแทน
สำหรับแปลงที่ 3 ที่เข้าตรวจสอบในครั้งนี้ เป็นที่ดินที่ที่กำลังมีการก่อสร้างบริเวณทางขึ้นเขากมลา บ้านนาคาเล ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งที่ดินแปลงดังกล่าวใช้ ส.ค.1 เนื้อที่ 4 ไร่ มาออกเป็นโฉนดที่ดินเนื้อที่ 25 ไร่ ซึ่ง ส.ค.1 ดังกล่าวบอกว่ามีชื่อนายแก้ว ทองหอม เป็นเจ้าของ ซึ่งทายาทของนายแก้วยืนยันว่า ที่ไม่เคยมีที่ดินอยู่ในบริเวณดังกล่าว ซึ่งการดำเนินการสำหรับแปลงนี้จะต้องดำเนินการตรวจสอบ และได้ทำหนังสือแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดให้ตรวจสอบเรื่องนี้ พร้อมทำหนังสือถึงนายกองค์การบริหารส่วนตำบลกมลาให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ส่วนแปลงที่ 4 เลขาฯ ป.ป.ท.พร้อมคณะได้เข้าตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดิน น.ส.3ก.เลขที่ 1723,1724 ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการออกโฉนด เนื้อที่ 25 ไร่ และจากการตรวจสอบพบว่าที่ดินดังกล่าวเป็นเขาสูงชัน เป็นป่ารกทึบ และด้านล่างติดทะเลตลอดแนว จากการตรวจสอบภาพถ่ายทางอากาศเมื่อปี 2519 พบว่าที่ดินไม่มีการทำประโยชน์ และปัจจุบันยังมีสภาพเป็นป่ารก ซึ่งการเข้าตรวจสอบที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นไปตามข้อมูลที่ได้รับการร้องเรียนไปยังสายด่อน 1206 ของสำนักงานป.ป.ท.ขอให้มีการตรวจสอบที่ดินดังกล่าวเพราะก่อนหน้านี้ทางดีเอสไอ เคยลงมาตรวจสอบแล้วครั้งหนึ่งแต่เรื่องเงียบไป และจากการตรวจสอบของป.ป.ท.พบว่าไม่น่าจะออกเอกสารสิทธิถูกต้องตามกฎหมาย และจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าอยู่บริเวณเทือกเขากมลา
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวถึงปัญหาการออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยไม่ถูกต้องในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ ซึ่งป.ป.ท.ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ระมัดระวังในเรื่องของการออกเอกสารสิทธิที่ดิน เพราะถ้าพบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องก็จะส่งเรื่องให้ปปช. เข้าไปดำเนินการ แต่อย่างไรก็ตาม จากการดำเนินการพบว่ายังมีเจ้าหน้าที่อีกหลายรายที่ยังมีหัวใจสีขาว ซึ่งได้ทำบันทึกให้รอการตรวจสอบของป.ป.ท.ก่อนที่จะออกเอกสิทธิที่ดิน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตนจะพ้นจากตำแหน่งเลขาฯ ป.ป.ท.แล้ว ก็มั่นใจว่าการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดินจะยังดำเนินการต่อไป และตนก็ยังสามารถดำเนินการได้ เพราะได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องของการปราบปรามการทุจริต และปราบปรามยาเสพติด นอกจากนั้น ตนยังได้สมัครเป็นสมาชิกภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริต 47 ภาคีด้วย เชื่อมั่นว่าการตรวจสอบยังสามารถดำเนินการต่อไปโดยไม่หยุดชะงักแน่นอน