xs
xsm
sm
md
lg

มอบตัวแล้วสร้างใหม่ เบื้องหลังเจรจาสงบศึกแต่ไฟใต้ไม่เคยมอด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บรรยากาศการรายงานตัวของแนวร่วม
คอลัมน์ : จุดคบไฟใต้
โดย...ไชยยงค์ มณีพิลึก

หลังจากที่มีการมอบตัวของพลพรรคบีอาร์เอ็น โคออร์ดิเนต เกือบ 100 คน เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนกันยายน คำถามที่เกือบทุกคนที่สนใจเรื่องการก่อการร้ายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ถามผมมาโดยตลอดมี 2 ประโยคด้วยกัน ประโยคแรกผู้ที่มอบตัวเป็น “ตัวจริง” หรือเป็น “ตัวปลอม” และคำถามประโยคที่สองคือ หลังการมอบตัวครั้งนี้ เหตุการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะสงบลง หรือดีขึ้นตามที่นายทหารใหญ่ๆ หลายท่านออกมาให้สัมภาษณ์จริงหรือไม่

คำถามแรก มีตอบว่า กลุ่มคนที่ออกมามอบตัว หรือมาอยู่กับเจ้าหน้าที่ของ กอ.รมน.ในขณะนี้ เป็น “ตัวจริง” เป็นอดีตผู้ก่อความไม่สงบจริง แต่ไม่ “ตัวการ” ระดับที่เป็น “แกนนำ” สำคัญ และคนเหล่านี้ไม่ใช่เพิ่งออกมามอบตัว แต่ทยอยออกมาทำงานกับ กอ.รมน.ภาค 4 นานแล้ว เป็นการมอบตัว หรือรายงานตัวที่ “สะสม” กันมาหลายปี และช่วยเหลือหน่วยงานของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ในงานด้าน “การข่าว” และการเปิดพื้นที่เจรจา เพื่อนำคนหลงผิดที่ต้องการ “กลับบ้าน” มานานแล้ว นี่คือความจริง

คำถามข้อ 2 หลังจากการออกมารายงานตัวของพลพรรคอดีตผู้ก่อการร้าย หรือวันนี้อาจจะอยู่ในสถานะ “ผู้หลงผิด” จะทำให้สถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ลดลงหรือไม่ คำตอบที่ชัดเจนคือ วันนี้สถานการณ์การก่อการร้ายยังไม่ลดลง เหตุผลคือ ผู้ที่ก่อเหตุร้ายรายวันในขณะนี้ล้วนเป็น “แนวร่วม” รุ่นใหม่ที่ถูกชักจูงเข้าสู่ขบวนการ เพื่อทดแทน “แนวร่วม” รุ่นเก่าที่เริ่มเบื่อหน่าย และวางมือ เพราะมีหมายจับทั้ง พ.ร.ก.ของฝ่ายความมั่นคง และหมายจับ ป.วิอาญา ของตำรวจ “แนวร่วม” กลุ่มนี้จึงต้องหลบซ่อน ไม่ปฏิบัติการทางทหาร แต่จำนวนหนึ่งยังปฏิบัติการทาง “การเมือง” อยู่

ดังนั้น เมื่อ กอ.รมน. ยังไม่สามารถ “หยุด” การสร้าง “แนวร่วม” รุ่นใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นมาแทนที่แนวร่วมรุ่นเก่าได้ รวมทั้งยังไม่สามารถควบคุมพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การก่อเหตุร้ายด้วยความรุนแรงจึงยังมีต่อไป และอาจจะรุนแรง หรือมีการ “ตาย” เกิดขึ้นมากกว่าเดิม เพื่อสร้างความ “หวั่นไหว” ให้แก่ “แนวร่วม” ที่อาจจะออกมารายงานตัวต่อ กอ.รมน.ตามที่ฝ่าย กอ.รมน. ได้ให้ข่าวว่าจะมีการออกมารายงานตัวของ “แนวร่วม” อีกกว่า 1,000 คน 
ยิงแล้วเผา 4 ศพ หลังแนวร่วมรายงานตัว
ทั้งเจ้าหน้าที่ และประชาชนอย่าเพิ่งดีใจกับการออกมามอบตัวของคนเกือบ 100 คน ที่เกิดขึ้น โดยวิเคราะห์ว่านั่นคือ ชัยชนะทางการเมืองของกองทัพ เพราะในอดีตวันที่ ยูโซ๊ะ ปากีสถาน อดีต ผบ.ขบวนการพูโล ออกมารายงานตัว ทางการก็เคยกล่าวว่าสถานการณ์การก่อการร้ายจะสงบแล้ว แต่หลังจากที่ ยูโซ๊ะ ปากีสถาน ออกมาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ขบวนการพูโลก็ได้ สะมะแอ ท่าน้ำ และตามมาด้วย ดาโอ๊ะ ท่าน้ำ เป็น ผบ.ขบวนการพูโลเก่า และพูโลใหม่ จนสุดท้าย เมื่อทางการจับกุมตัว สะมะแอ ท่าน้ำ กับ ดาโอ๊ะ ท่าน้ำ พร้อมแกนนำสำคัญอีก 2-3 คน ทางการก็พูดว่า ขบวนการแบ่งแยกดินแดนไม่มีศักยภาพแล้ว เหลือเพียงโจรห้าร้อยที่เป็นมิจฉาชีพธรรมดาก่อกวนเรียกค่าคุ้มครองเท่านั้น แต่สุดท้าย มีขบวนการบีอาร์เอ็น โคออดิเนต เกิดขึ้น และเหตุการณ์ก็รุนแรงมาจนถึงทุกวันนี้

ดังนั้น แม้ว่า กอ.รมน.อาจจะได้ตัว มะแซ อุเซ็ง หรือ สะแปอิง บาซอ ซึ่งมีการสร้างความสำคัญของตัวละคร ให้เชื่อว่าเป็นตัวการใหญ่ของขบวนการบีอาร์เอ็นฯ กลับบ้าน ก็อย่าได้เข้าใจว่า สถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะพบกับความสันติสุขแบบ “หน้ามือ” กับ “หลังมือ” เหตุผลหนึ่งก็คือ “ข่าว” ที่มาจากนักการข่าวของหน่วยงานต่างๆ ที่ให้ “ภาพลักษณ์” ของ มะแซ อุเซ็ง เก่งกล้าถึงขั้นเป็นเสนาธิการในการวางแผนก่อการร้ายในพื้นที่ จ.ชายแดนภาคใต้ นั่นอาจจะไม่ใช่ก็ได้

เช่นเดียวกับที่ สะแปอิง บาซอ อดีตครูใหญ่ ผู้ได้รับใบอนุญาตของโรงเรียนธรรมวิทยา ก็อาจจะเป็นเพียง “เบี้ย” ตัวหนึ่งบนกระดาน “หมากรุก” ที่ไม่ใช่ “ขุน” แต่อย่างใด เพราะการ “ฉุดดึง” สะแปอิง บาซอ เข้าสู่วังวนของการเป็น หัวหน้า “บีอาร์เอ็นฯ” ครั้งนั้นมาจากหลายปัจจัย รวมทั้งความ “ขัดแย้ง” ในโรงเรียนธรรมวิทยาด้วย

ข้อสำคัญที่สุดคือ ทั้ง แวอาลีคอปเตอร์ วานิ ทั้ง มะแซ อุเซ็ง รวมถึง สะแปอิง บาซอ นั้น ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังการปล้นปืนที่ค่ายปิเหล็ง อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส แต่จนถึงวันนี้ คนที่เข้าไปปฏิบัติการปล้นปืนในวันนี้ยังไม่รู้ว่าเป็นใครกี่คน และคนทั้ง 3 เป็นคนสั่ง หรือวางแผนจริงหรือไม่ ก็ยังไม่มีหลักฐานที่ปรากฎชัด เผลอๆ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเอาผิดทาง ป.วิอาญา กับคนทั้ง 3 ก็ได้ เพราะไม่มีหลักฐาน พยาน ที่ปรากฎชัดว่า ได้ไปฆ่าใครที่ไหน เมื่อไหร่ ทุกอย่างเป็นเรื่องของ การกล่าวหาที่มาจากการรายงานทาง “การข่าว” เป็นสำคัญ

เช่นเดียวกับ “แกนนำ” อีกจำนวนมาก ที่เมื่อปี 47-52 เคยปรากฎชื่อเป็นเส้นทาง “สายข่าว” ของหน่วยข่าวความมั่นคงว่าเป็นผู้สั่งการ เป็น “แกนนำ” ระดับสูงของ “บีอาร์เอ็นฯ” แล้วรายชื่อเหล่านี้ก็ค่อยๆ เลือนหายไปกับกาลเวลาของการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ จนเป็นที่ตั้งข้อสังเกต และข้อสงสัยว่า “แกนนำ” เหล่านี้ เป็น “แกนนำ”จริงๆ หรือเป็นเพียงตัว “ละคร” ตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมา และเมื่อเดินถึงทางตันไม่สามารถเดินต่อไปได้ ก็จะสรุปว่าหลบหนีไปอยู่ที่ประเทศมาเลเซียแล้ว

เช่นเดียวกับการที่พลพรรคซึ่งเป็นอดีตผู้ก่อการร้ายที่ออกมามอบตัวต่อ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เกือบ 100 คน และกลายเป็นที่หวาดระแวงของประชาชนทั่วไปว่าเป็น “ตัวจริง” หรือ “ตัวปลอม” ที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต้องสร้างความ “โปร่งใส” ให้เกิดขึ้นว่าเป็น “ของจริง” เพราะวันนี้ อย่าว่าแต่ประชาชนที่ “ข้องใจ” แม้แต่เจ้าหน้าที่ด้วยกันในพื้นที่ ทั้งตำรวจ และฝ่ายปกครอง ก็ “ข้องใจ” เพราะทั้งก่อนหน้า และหลังการมอบตัวไม่มีการให้รายละเอียด หรือมีการร่วมกันตรวจสอบที่มาที่ไปของคนทั้งหมดว่าเป็นมาอย่างไร ใครมี ป.วิอาญา ในข้อหาอะไรบ้าง ใครที่มีประวัติของการเป็น”แนวร่วม” ระดับใด และอยู่ในพื้นที่ตำบล อำเภอ และจังหวัดใด และหลังออกมามอบตัวแล้ว คนเหล่านี้อยู่ที่ไหน และจะทำอย่างไรต่อไป สิ่งเหล่านี้ต้องมีคำตอบให้แก่คนทั้งประเทศ เพราะให้หาย “ข้องใจ” และเข้าใจตรงกัน เพื่อประโยชน์ของการร่วมกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

และสุดท้าย หลังการออกมามอบตัวของพลพรรคกลุ่มนี้ ก็มีการออกมาข่มขู่ประชาชนใน 3 จังหวัด 4 อำเภอ จากกลุ่มบีอาร์เอ็นฯ ให้หยุดการค้าขายในวันศุกร์ที่ 14 กันยายน ที่ผ่านมา จนสร้างความหวาดผวาให้แก่คนที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนทั่วไป และจนถึงบัดนี้ ก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนออกมาบอกแก่ชาวบ้านว่าเป็นฝีมือของบีอาร์เอ็นฯ หรือเป็นการสร้างสถานการณ์จากใคร และกองทัพมีการเตรียมรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร หรือต้องรอจนถึงวันศุกร์ที่ 22 กันยายน เพื่อให้เกิดการตายในตลาดที่ไหนสักแห่งก่อน จึงจะบอกความจริงให้แก่ประชาชนได้ทราบ


กำลังโหลดความคิดเห็น