คอลัมน์ : ฝ่าเกลียวคลื่น
โดย...บรรจง นะแส
ท่านผู้อ่านจะเชื่อหรือไม่ว่า วันนี้คนไทยกินปลาทูกิโลกรัมละ 7,700 บาท ผมไปเห็นมากับตา ไปสัมผัสมาด้วยตัวเอง จึงอยากนำมาเล่าสู่กันครับ พื้นที่ที่ผมไปเจอคือในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดซึ่งเป็นแหล่งวางไข่ของปลาทูใหญ่ที่สุดของประเทศก็ว่าได้ เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่กรมประมงมีมาตรการภายใต้ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง กำหนดห้ามใช้เครื่องมือทำการประมงบางชนิดในฤดูปลามีไข่ วางไข่ และเลี้ยงตัวในวัยอ่อน ซึ่งรวมถึงพื้นที่บางส่วนของจังหวัดชุมพร และสุราษฎร์ธานี รวมพื้นที่ทั้งสิ้นประมาณ 26,400 ตารางกิโลเมตร
มาตรการห้ามจับปลาในฤดูวางไข่ของกรมประมงฝั่งอ่าวไทยเป็นเวลา 3 เดือนของทุกปี คือ ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์-15 พฤษภาคมของทุกปีนั้น พบว่าทำให้ทรัพยากรสัตว์น้ำ โดยเฉพาะปลาผิวน้ำได้แก่ ปลาทู ปลาลัง ปลาข้างเหลือง ได้รับการฟื้นฟู มีการผสมพันธุ์วางไข่ และเลี้ยงลูก ทำให้มีทรัพยากรสัตว์น้ำรุ่นใหม่เข้ามาทดแทนทรัพยากรสัตว์น้ำที่ถูกจับไปใช้ประโยชน์อย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ ข้อมูลทางวิชาการของกรมประมงพบว่า สามารถรักษาระดับผลผลิตปลาทูทุกพื้นที่ในอ่าวไทยให้ชาวประมงจับได้ในระดับเฉลี่ย 100,000 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,500 ล้านบาทต่อปี
ด้วยมาตรการทางกฎหมายที่จะลงโทษผู้ฝ่าฝืนใช้เครื่องมือต้องห้ามทำการประมงในช่วงปิดอ่าวพื้นที่ที่ได้ประกาศฯ ที่กำหนดไว้ว่าต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือทั้งจำทั้งปรับ และโดยเฉพาะโทษจำคุกศาลท่านมักให้รอลงอาญา ทำให้มีการฝ่าฝืนนำเอาเครื่องมือชนิดต่างๆ จับเอาลูกปลาทูเล็กๆ ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก เพราะในคืนหนึ่งๆ การจับลูกปลาทูโดยเฉพาะการใช้แสงไฟล่อจะทำการจับลูกปลาทูได้คืนละ 3,0000-50,000 บาท/ลำ ทำให้ผู้ประกอบการประมงด้วยการใช้แสงไฟล่อได้กวาดจับลูกปลาทู ในขณะที่ยังโตไม่เต็มที่ไปเป็นจำนวนหลายตันในแต่ละวัน
ลูกปลาทูตัวขนาดเท่านิ้วชี้นิ้วก้อยถูกนำเข้าสู่โรงงานปลาป่น และต้มตาก ในส่วนของการต้มตากเพื่อส่งถึงผู้บริโภคในรูปของลูกปลาทูทอดกรอบปรุงรสเป็นที่นิยมแพร่หลายอยู่ในปัจจุบัน เพราะอ้างว่าเป็นอาหารที่ให้สารแคลเซียมแก่ร่างกายสูง ผู้บริโภคลูกปลาทูทอดกรอบจึงขยายตลาดอย่างรวดเร็ว จากความต้องการปลาทูจำนวนมหาศาลทั้งปลาทูที่มีขนาดใหญ่ และลูกปลาทูเล็กๆ ทำให้ชาวประมงพาณิชย์จำนวนมาก มีการพัฒนาเครื่องมือการทำประมงปลาทูให้มีประสิทธิภาพในการจับที่สูงขึ้น ทั้งใช้แสงไฟประกอบการประมง ใช้อวนตาถี่ ปลาทูถูกจับขึ้นมามากจนเกินกำลังการผลิตของธรรมชาติ ส่งผลให้แนวโน้มของประชากรปลาทูในปัจจุบันเริ่มลดน้อยลง
กรมประมงเองก็ได้ใช้มาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการห้ามจับปลาทูในฤดูวางไข่ แต่มาตรการดังกล่าวก็ไม่สามารถเพิ่มปลาทูให้มากขึ้นได้ เพราะเป็นการใช้มาตรการที่ไม่ครบวงจร คือ หลังฤดูปิดอ่าวไม่ได้มีมาตรการในการควบคุมไม่ให้มีการจับลูกปลาทูตัวเล็กๆ โดยเฉพาะการที่ยังคงอนุญาตให้มีการทำการประมงโดยใช้แสงไฟด้วยอวนตาถี่จับปลากะตัก และลูกปลาทูที่เป็นต้นเหตุของปัญหา
กรมประมงแทนที่จะสนใจปัญหาดังกล่าว และหามาตรการแก้ไขที่ต้นตอของปัญหาแต่ไม่ทำ กลับไปสนใจกับการศึกษาวิจัยเพาะเลี้ยงปลาทู โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตปลาทูทดแทนการใช้ทรัพยากรจากแหล่งธรรมชาติอย่างเกินความพอดี โดยหาได้พิจารณาต้นตอของปัญหาที่แท้จริงที่ทำให้ปลาทูลดลงแต่อย่างใด ท่านเกรงกลัวจะกระทบผลประโยชน์ของเหล่านักธุรกิจอาหารสัตว์ เจ้าของโรงงานปลาป่น เจ้าของประมงพาณิชย์ จนลืมคิดถึงความล่มสลายของพันธุ์ปลาทู และปากท้องของผู้บริโภค???
2 ปีกับการวิจัย และทดลองของกรมประมงที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาชายฝั่งสมุทรสาคร กรมประมงก็ประสบความสำเร็จในการเลี้ยงปลาทูพ่อแม่พันธุ์ที่มีความสมบูรณ์แข็งแรง ป่าวประกาศถึงความสำเร็จไปทั่วโลก อยากเรียนว่านั่นไม่ใช่วิธีการแก้ไขปัญหาการลดลงของพันธุ์สัตว์น้ำ โดยเฉพาะปลาทูในท้องทะเลไทยแต่อย่างใดเลย เพราะถึงท่านจะเพาะพันธุ์ได้แล้วปล่อยลงสู่ทะเล ลูกปลาทูเหล่านั้นก็มีอัตรารอด และเติบโตจนถึงผู้บริโภคเพียงน้อยนิด ตราบใดที่เครื่องมือทำการประมงแบบทำลายล้างยังทำการประมงอยู่เหมือนปัจจุบัน
ผมซื้อลูกปลาทูตัวเล็กๆ ที่พ่อค้าใส่ถุงตระเวนขายที่ตลาดคลองวาฬ จังหวัดประจวบฯ มาครึ่งกิโล ราคา 50 บาท นำมาแจงนับว่าลูกปลาทูครึ่งกิโลนั้น มีจำนวนลูกปลาทูกี่ตัว ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองที่พบว่าลูกปลาทูต้มตากที่พ่อค้าตระเวนขายอยู่ทั่วไปนั้น มีลูกปลาทูถึง 500 ตัว นั่นก็หมายความว่าในน้ำหนักหนึ่งกิโลจะมีลูกปลาทูอยู่ถึง 1,000 ตัวเป็นอย่างน้อย ถ้าปล่อยให้ลูกปลาทูเหล่านั้นเติบโต ซึ่งในท้องตลาดปริมาณจะตกอยู่ที่ 12-13 ตัว/กิโล
นั่นก็หมายความว่า การที่ผู้บริโภคลูกปลาทูต้มตาก หรือลูกปลาทูทอดกรอบปรุงรสในหนึ่งกิโลท่านกินปลาทูไปถึง 1,000 ตัวในราคา 100 บาท แต่ถ้าปล่อยให้เขาเติบโตเต็มที่ใน 1,000 ตัวนั้น จะเป็นปลาทูขนาดใหญ่ได้ประมาณ 77 กิโล ในราคาตามตลาดท้องถิ่นที่ติดชายฝั่งทะเล ราคาเฉลี่ยของปลาทูจะตกประมาณกิโลละ 100 บาท วันนี้จึงแทบไม่น่าเชื่อว่าคนไทยเรากินปลาทูที่มีมูลค่าถึง 7,700 บาท/กิโล และกินปลาทู 1,000 ตัวไปภายในเวลาแค่มื้อเดียว แล้วในอนาคตลูกหลานของเราจะมีปลาทูกินไหมนี่???.