กระบี่ - “เลขาธิการอาเซียน” เตือนมีสติ อย่าตื่นตูมรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอีก 2 ปี ยาหอมจังหวัดกระบี่ ได้เปรียบกว่าจังหวัดอื่น เหตุอยู่ศูนย์กลางฝั่งอันดามัน ฉะหน่วยงานรัฐของบเตรียมรับมือเปิดเสรีอาเซียนมหาศาล เหมือนตำน้ำพริกละลายแม่น้ำถ้าคนในประเทศไม่พร้อม
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน กล่าวในโอกาสที่เดินทางมาเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์สร้างอาคารดิโอโซน คอนโดมิเนียม ม.7 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ ถึงความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ว่า ขณะนี้ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งในจังหวัดกระบี่ และในประเทศไทย ได้มีการวางแผนเตรียมพร้อมรับมือกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 หรืออีกประมาณ 2 ปี ข้างหน้าแล้ว สำหรับจังหวัดกระบี่ ได้เปรียบกว่าจังหวัดอื่นอีกหลายจังหวัด เนื่องจากเป็นจังหวัดศูนย์กลางทางฝั่งอันดามัน นอกจากการเตรียมความพร้อมทางด้านธุรกิจแล้ว การเตรียมความพร้อมในเรื่องของบุคลากรก็เป็นเรื่องสำคัญ และมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาบุคลากรให้ก้าวเข้าสู่การเปิดเสรีอาเซียน
แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการเข้าสู่เป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ก็ยังมีคนที่ขาดโอกาส มองไม่เห็นโอกาส ช่องทางในการประกอบธุรกิจที่นำมาสู่รายได้แบบยั่งยืน จึงขอฝากไปยังนักธุรกิจที่มีประสบการณ์ และประสบความสำเร็จมาแล้ว ช่วยให้คำแนะนำ หรือให้โอกาสแก่บุคลที่ยังไม่พร้อม เพื่อจะได้เดินไปพร้อมๆ กัน และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม จึงจะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จที่ยั่งยืน
ดร.สุรินทร์ ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของหน่วยงานภาครัฐเกือบทุกหน่วยงานให้ความสำคัญ และตอบสนองในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเป็นอย่างดียิ่ง โดยสังเกตจากการเสนอของบประมาณเกือบทุกภาคส่วน ยื่นเสนอของบประมาณใช้ในการเตรียมความพร้อม รวมกันเป็นเงินจำนวนนับ 1 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก ตนคิดว่าไม่ใช่วัตถุประสงค์หลัก มีหลากหลายวิธีที่สามารถพัฒนาศักยภาพของประชาชนในประเทศ โดยเฉพาะการพัฒนาในเรื่องของภาษา ที่พบว่า ในกลุ่มประเทศอาเซียน กว่า 300 ล้านคน พูดภาษายาวี ทั้งประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และ 5 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งตามโรงเรียนปอเนาะในประเทศไทยต่างก็ได้มีการเรียนการสอนกันอยู่แล้ว ส่วนภาษาอื่นๆ ก็เช่นกันจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเรียนรู้ภาษาในกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มมากขึ้น
เลขาธิการอาเซียนได้กล่าวด้วยว่า ในการก้าวเข้าสู่การเปิดประชาคมอาเซียนนั้นขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก ตื่นตกใจ แต่ก็ให้เตรียมความพร้อมแบบมีสติ ซึ่งการที่หน่วยงานต่างๆ ของบประมาณจำนวนมากมาเพื่อใช้ในเรื่องของการเตรียมความพร้อมรับการเข้าสู่ประชาคมเขตเศรษฐกิจอาเซียนนั้น ตนมองว่าเหมือนเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ถ้าหากว่าคนของเราไม่มีความพร้อม เพราะฉะนั้น สิ่งที่คิดว่าควรจะทำคือ เรื่องของการเตรียมความพร้อมของคนโดยเฉพาะเรื่องของภาษา
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน กล่าวในโอกาสที่เดินทางมาเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์สร้างอาคารดิโอโซน คอนโดมิเนียม ม.7 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ ถึงความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ว่า ขณะนี้ทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งในจังหวัดกระบี่ และในประเทศไทย ได้มีการวางแผนเตรียมพร้อมรับมือกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปี 2558 หรืออีกประมาณ 2 ปี ข้างหน้าแล้ว สำหรับจังหวัดกระบี่ ได้เปรียบกว่าจังหวัดอื่นอีกหลายจังหวัด เนื่องจากเป็นจังหวัดศูนย์กลางทางฝั่งอันดามัน นอกจากการเตรียมความพร้อมทางด้านธุรกิจแล้ว การเตรียมความพร้อมในเรื่องของบุคลากรก็เป็นเรื่องสำคัญ และมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาบุคลากรให้ก้าวเข้าสู่การเปิดเสรีอาเซียน
แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการเข้าสู่เป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ก็ยังมีคนที่ขาดโอกาส มองไม่เห็นโอกาส ช่องทางในการประกอบธุรกิจที่นำมาสู่รายได้แบบยั่งยืน จึงขอฝากไปยังนักธุรกิจที่มีประสบการณ์ และประสบความสำเร็จมาแล้ว ช่วยให้คำแนะนำ หรือให้โอกาสแก่บุคลที่ยังไม่พร้อม เพื่อจะได้เดินไปพร้อมๆ กัน และลดความเหลื่อมล้ำในสังคม จึงจะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จที่ยั่งยืน
ดร.สุรินทร์ ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของหน่วยงานภาครัฐเกือบทุกหน่วยงานให้ความสำคัญ และตอบสนองในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเป็นอย่างดียิ่ง โดยสังเกตจากการเสนอของบประมาณเกือบทุกภาคส่วน ยื่นเสนอของบประมาณใช้ในการเตรียมความพร้อม รวมกันเป็นเงินจำนวนนับ 1 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก ตนคิดว่าไม่ใช่วัตถุประสงค์หลัก มีหลากหลายวิธีที่สามารถพัฒนาศักยภาพของประชาชนในประเทศ โดยเฉพาะการพัฒนาในเรื่องของภาษา ที่พบว่า ในกลุ่มประเทศอาเซียน กว่า 300 ล้านคน พูดภาษายาวี ทั้งประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และ 5 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งตามโรงเรียนปอเนาะในประเทศไทยต่างก็ได้มีการเรียนการสอนกันอยู่แล้ว ส่วนภาษาอื่นๆ ก็เช่นกันจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการเรียนรู้ภาษาในกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มมากขึ้น
เลขาธิการอาเซียนได้กล่าวด้วยว่า ในการก้าวเข้าสู่การเปิดประชาคมอาเซียนนั้นขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก ตื่นตกใจ แต่ก็ให้เตรียมความพร้อมแบบมีสติ ซึ่งการที่หน่วยงานต่างๆ ของบประมาณจำนวนมากมาเพื่อใช้ในเรื่องของการเตรียมความพร้อมรับการเข้าสู่ประชาคมเขตเศรษฐกิจอาเซียนนั้น ตนมองว่าเหมือนเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ถ้าหากว่าคนของเราไม่มีความพร้อม เพราะฉะนั้น สิ่งที่คิดว่าควรจะทำคือ เรื่องของการเตรียมความพร้อมของคนโดยเฉพาะเรื่องของภาษา
