นครศรีธรรมราช - คอมมานโดกรมราชทัณฑ์บุกเงียบหิ้วตัวขาใหญ่ 26 รายไปจองจำต่อที่เรือนจำเขาบินแล้ว ผบ.เรือนจำกลางนครศรีฯ รับอัตราเจ้าหน้าที่หดหายกำลังเป็นปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่อย่างหนัก ด้าน ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เผยต้นตอค้ายาเสพติดในประเทศไทยอยู่ในเรือนจำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
วันนี้ (30 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าต่อหลายกรณีที่เชื่อมโยงกับเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อช่วงตี 4 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดคอมมานโดกรมราชทัณฑ์ ได้จัดขบวนรถบรรทุกนักโทษจากกรมราชทัณฑ์เดินทางมาถึงเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ก่อนเข้าปฏิบัติการควบคุมนักโทษขาใหญ่จำนวน 26 ราย จากแดน 5 แดน 6 และแดนความมั่นคงสูงของเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช โดยใช้เครื่องพันธนาการเข้าควบคุม จากนั้นได้นำตัวขึ้นรถบัสบรรทุกนักโทษเดินทางออกจากเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช มุ่งหน้าไปยังเรือนจำเขาบินทันที โดยใช้เวลาปฏิบัติการในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชเพียงไม่ถึง 1 ชั่วโมง ซึ่งตลอดการปฏิบัติการนั้น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ได้ให้สิทธิแก่ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งเข้าบันทึกภาพตลอดเวลาการปฏิบัติการเพียงสถานีเดียวเท่านั้น
นายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า การปฏิบัติการดังกล่าวนั้นเป็นความลับ เจ้าหน้าที่จากกรมราชทัณฑ์มาทำการขนย้ายนักโทษไปแบบฉับพลันรวม 26 คน ซึ่งเป็นนักโทษขาใหญ่ที่อธิบดีมีคำสั่งให้ย้ายไปเมื่อไม่กี่วันก่อน โดยนักโทษทุกคนไม่มีสิ่งใดติดตัวไปนอกจากเสื้อผ้าที่สวมใส่เท่านั้น ส่วนเครื่องใช้อื่นๆ นั้นให้ไปเบิกเอาที่เรือนจำเขาบิน
“ในขณะที่เคลื่อนย้ายนักโทษกลุ่มนี้ออกไป เจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นในห้องพักพบโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ถูกนักโทษคดีค้ายาเสพติดรายสำคัญนอนทับอยู่ เมื่อค้นได้มีนักโทษที่เป็นสมุนมารับแทนว่าเป็นของเขา แต่เจ้าหน้าที่ค้นได้ที่ตัวของขาใหญ่รายนี้ จึงดำเนินคดีกับขาใหญ่รายนี้อย่างตรงไปตรงมา และนำส่งเครื่องนี้ไปตรวจสอบตามขั้นตอน” ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชกล่าว
นายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ยังกล่าวต่อถึงการโยกย้ายผู้คุมจำนวน 25 รายออกไปจากเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช และย้ายจากเรือนจำอื่นมาประจำการที่เรือนจำนครศรีธรรมราช 17 นายว่า ยังทำให้เจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติงาน ตามโครงสร้างจริงของเรือนจำนครศรีธรรมราชนั้น อยู่ที่ 170 คน แต่อัตรานี้สำหรับนักโทษ 3,500 คน ปัจจุบัน มีนักโทษ 5,000 คน เหลืออัตราจริงอยู่ที่ 155 คน รวมอัตราที่ย้ายเข้ามาใหม่
“แต่ขณะนี้การย้ายเข้าย้ายออกยังไม่แล้วเสร็จ ซึ่งจะต้องเสร็จภายใน 7 วัน เจ้าหน้าที่ที่เหลือจะต้องทำหน้าที่อย่างหนักขึ้นไปอีก เช่น นักโทษป่วยในโรงพยาบาล จะต้องเสียเจ้าหน้าที่ออกไปถึง 4 นายต่อคน ยิ่งป่วยมากก็ต้องคูณไปตามจำนวนนักโทษที่ออกไปรักษาตัว และยังมีภารกิจย้ายผู้ต้องขังไปเรือนจำต่างๆ คุมตัวผู้ต้องขังส่งศาลทั้งในจังหวัด และนอกจังหวัด ความตึงตัวของเจ้าหน้าที่มีมากขึ้น ความเครียดมีมากขึ้น คนจัดเวร คนบริหารก็หนักใจ ส่วนการลาออกของเจ้าหน้าที่ชุดแรกที่มีคำสั่งโยกย้ายจำนวน 11 นายออกไปนั้น ทราบว่าไม่มีการอนุญาต เพราะยังติดอยู่ในชั้นสอบสวนวินัย ส่วนชุดหลัง 25 นายนั้น สามารถยื่นลาออกได้ แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน”
ด้าน ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า จากข้อมูลที่ทำนั้นเชื่อว่าเครือข่ายค้ายาคุกนครศรีธรรมราชมีทรัพย์สินเป็นหลักพันล้าน ชุดแรกที่ทำไปนั้นมีกว่า 60-70 ล้าน รายอื่นๆ ที่ใหญ่กว่านี้ยังดำเนินการต่อไป กระบวนการที่สั่งการอยู่ในเรือนจำ แต่จะมีลูกพี่อยู่ที่บางขวาง เชื่อมไปเชียงราย และประเทศเพื่อนบ้าน จากข้อมูลทั้งหมดที่ทำมานั้นฐานของขบวนการค้ายาในประเทศไทยมีกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ไม่ผิดไปจากนี้ ส่วนมากอยู่ในเรือนจำ ส่วนของ จ.นครศรีธรรมราช พยายามหาวิธีการเข้าไปหยุดให้ลดน้อยลงให้มากที่สุด
“ขณะนี้ขบวนการค้ายาในประเทศไทยมีหลายขบวนการ คนบางคนที่มีบทบาททางสังคมร่วมมืออยู่ด้วย ในส่วนของ จ.นครศรีธรรมราช นั้นยังไม่พบว่าคนพวกนี้อยู่ ส่วนการที่มีการจัดการในเรือนจำทั้งส่วนของนักโทษ และเจ้าหน้าที่นั้นสถานการณ์จะดีขึ้น และการย้ายนักโทษนั้นจะสามารถลดช่องทางในการค้ายาได้มาก และหากทำอย่างนี้ต่อไปเชื่อว่าจะลดปัญหาไปได้ตามลำดับ และสิ่งสำคัญคือ หากแก้ปัญหาแต่ข้างนอก ไม่ได้แก้ในเรือนจำ ปัญหาเหล่านี้ก็ยังไม่จบ” ผบก.นครศรีธรรมราชกล่าว
