นครศรีธรรมราช - ศาลอุทธรณ์ให้ประกันตัวผู้คุมที่ถูกจับกุม และยึดทรัพย์พร้อมพวกรวม 5 คนแล้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช รับเหนื่อยทำงานยากขึ้น และต้องเร่งสำนวนส่งฟ้องให้เร็วที่สุด ขณะที่ ผบ.เรือนจำเผยได้ทำรายงานบัญชีนักโทษที่อยู่ในข่ายมาเฟียในคุกไปแล้วกว่า 200 ราย ล่าสุด เด้งฟ้าผ่าผู้คุมเพิ่มอีก 25 รายช็อกระนาว
ความคืบหน้าในคดีการยึดทรัพย์ และคดีที่เกี่ยวข้องกับการพบสิ่งของต้องห้ามเครือข่ายค้ายาเสพติดในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ในวันนี้ (28 ส.ค.) พลุกพล่านไปด้วยญาติที่มารอรับนักโทษที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานอภัยโทษเนื่องในวันแม่แห่งชาติที่ผ่านมา ซึ่งมีกำหนดปล่อยตัวในวันนี้รวม 179 ราย
โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายควบคุมเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ได้ให้ข้อมูลว่า นายณัฐพล ระย้า อดีตผู้คุมเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช, นางสรรุจีย์ ระย้า ภรรยา และเครือขาย คือ น.ส.สกาวเดือน ทิพย์แก้ว, น.ส.สิรินทิพย์ ยกเต้ง และ น.ส.รุ่งนภา อาจารีพิพัฒน์ ที่ถูกฝากขังโดยพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2555 ซึ่งศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชได้อนุญาตให้ฝากขังผัดแรก โดยผู้ต้องหาทั้ง 5 รายได้พยายามขอประกันตัว แต่ศาลไม่อนุญาตให้มีการประกันตัว ส่งผลให้นายณัฐพล พร้อมด้วยภรรยา และเครือข่ายถูกนำส่งยังเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช และถูกควบคุมไว้ในแดนแรกรับ หลังจากนั้น พบว่าทางทีมกฎหมายของนายณัฐพลได้อุทธรณ์คำร้องขอประกันตัวในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งได้ใช้หลักทรัพย์จำนวนมาก
โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา ศาลได้มีหมายปล่อยตัวนายณัฐพล พร้อมด้วยภรรยาและพวกรวม 5 ราย ซึ่งทางเรือนจำได้ปล่อยตัวตามหมายไป หลังจากที่ได้รับหมายจากศาลเรียบร้อยแล้ว โดยทั้งหมดมีสีหน้าที่ดีขึ้นหลังจากที่ได้รับการปล่อยตัว หลังจากนั้น ได้ขึ้นรถยนต์ที่มารอรับออกจากเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชไปทันที โดยไม่มีใครรู้ว่าไปพักที่ใด เนื่องจากบ้านพักในตัวเมืองของนายณัฐพลนั้นได้ถูกยึดไว้หมดแล้ว
ด้าน พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยหลังจากทราบข่าวการอนุมัติให้ประกันตัวว่า ตนยอมรับว่าเหนื่อยใจมาก และหลังจากนี้เชื่อว่าจะมีผลกระทบที่เชื่อมโยงกับรูปคดีอย่างแน่นอน เชื่อหรือไม่ว่าคนพวกนี้ไม่เคยเลิกถอนตัว ไม่ได้ค้าอยู่นอกเรือนจำเมื่อเข้าไปในเรือนจำยิ่งค้าหนักกว่าเก่า อยากให้สังคมทบทวนในเรื่องของการให้สิทธิคนทำผิดต่อบ้านเมือง คนที่ทำลายคนด้วยการค้ายาเสพติดไม่ควรที่จะได้รับสิทธิที่คนดีจะต้องได้รับ ฝากไว้เป็นคำถามว่าการกลั่นกรองเรื่องเหล่านี้กำลังมีปัญหาหรือไม่
“ในส่วนของการดำเนินการกับเครือข่ายในเรือนจำนั้น เราใช้เวลามากในการทำงานจนได้หลักฐานสำคัญมาพอสมควรแล้ว กว่าที่เลขาธิการ ป.ป.ส.และศาลจะออกหมายจับได้ ซึ่งตรงนี้เหตุผลน่าจะเพียงพอ ยกตัวอย่างหนึ่งใน 2 ของผู้ต้องหาที่กำลังหลบหนีนั้นเป็นตัวการรายใหญ่ที่ค้ายาเสพติด และถือว่าเป็นตัวสำคัญ เชื่อหรือไม่ว่าตำรวจทำงานกันแทบเป็นแทบตาย อัยการสั่งไม่ฟ้องก่อนที่จะย้ายไปเพียง 4 วัน ซึ่งจริงๆ แล้ว หากสำนวนไม่สมบูรณ์ ขาดตรงไหนสามารถสั่งให้สอบเพิ่มได้ ไม่ใช่ใช้อำนาจสั่งไม่ฟ้อง มาวันนี้ตำรวจต้องไล่ตามจับผู้ต้องหารายนี้อีกแล้ว ส่วนคดีสังหารผู้คุมนั้นเรากำลังรอหลักฐานสำคัญบางอย่างมาเชื่อมโยง ซึ่งคาดว่าจะชัดเจนมากขึ้น” ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช กล่าวอย่างอ่อนใจ
ด้าน นายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ในส่วนของการประกันตัวนายณัฐพล และพวกนั้น เรือนจำได้ปล่อยตัวไปตามหมายศาลก็ต้องว่าไปตามนั้น ขณะที่กระบวนการจัดการภายในเรือนจำยังคงดำเนินการอย่างเข้มข้นทุกวัน โดยขณะนี้ เรือนจำได้เตรียมทำรายงานไปยังกรมราชทัณฑ์ในวันที่ 5 ส.ค.นี้ เป็นบัญชีรายชื่อนักโทษผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นขาใหญ่ในเรือนจำ ซึ่งมีการรวบรวมไว้แล้วประมาณ 200 คนเศษ โดยคนเหล่านี้ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับการลักลอบนำสิ่งของต้องห้ามเข้าเรือนจำ สั่งยาเสพติด หรือให้มีการค้ายาเสพติดภายนอก เรามีข้อมูลสนับสนุนมาจากหลายฝ่าย ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกจับตาเป็นพิเศษ ส่วนอีก 26 คนนักโทษสำคัญนั้นอาจมีการย้ายเร็วๆ นี้
“สำหรับผู้คุมที่มีอยู่นั้นรวม 163 คน เป็นหญิง 24 คน ชาย 139 คน ดูแลนักโทษราว 5,000 คน เป็นปัญหาที่สำคัญ คือ กำลังไม่พอ ส่วนปัญหาในความหวาดกลัวหลังจากที่นายออดถูกสังหารไปแล้ว ก็พยายามให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ผู้คุมที่สุจริตทำงานแบบใช้ชีวิตที่เป็นปกติทุกวันแต่ได้เพิ่มความระมัดระวังตัวกันเป็นพิเศษ เนื่องจากไม่รู้ใครเป็นใคร และยืนยันได้ว่าไม่มีใครกลัว พร้อมที่จะยอมรับกับทุกอย่าง ถ้าสุจริต และถูกต้องไม่จำเป็นต้องกลัวอะไร” ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชกล่าว
และความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันนี้ (28 ส.ค.) กรมราชทัณฑ์ได้ส่งหนังสือคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ในสังกัดเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ซึ่งลงนามโดย พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่งานคำสั่งได้หนังสือคำสั่งดังกล่าวทางโทรสารในคำสั่งด่วนที่สุด ซึ่งลงนามไปเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ มาถึงยังนายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช
นายสุรพล แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า หนังสือคำสั่งด่วนที่สุดฉบับนี้ได้มีคำสั่งย้ายข้าราชการเจ้าพนักงานราชทัณฑ์ตั้งแต่ระดับ 7 ลงมาในเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชรวม 25 นาย โดยได้มีคำสั่งกระจายไปยังจังหวัดในภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ขณะเดียวกัน ได้มีคำสั่งย้ายข้าราชการราชทัณฑ์จากเรือนจำต่างๆ หลายเรือนจำ จำนวน 17 ราย มาทดแทนที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช อย่างไรก็ตาม จากอัตรากำลังนี้ยังทำให้เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชขาดทุนอัตราไป 8 นาย ซึ่งเข้าใจว่าทางกรมจะเร่งส่งกำลังมาทดแทน
“เจ้าหน้าที่ชุดนี้อาจถูกสอบพบว่ามีส่วนเชื่อมโยงพัวพันอยู่บ้าง ซึ่งอาจจะมีการโยกย้ายไปก่อนแบบสถานเบา ขณะนี้ทุกนายทราบคำสั่งนี้แล้ว หลายคนอยู่ในอาการช็อกไม่คิดว่าจะถูกย้ายไปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม เป็นธรรมดาของชีวิตข้าราชการที่จะต้องยอมรับสามารถย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ยังที่ใดก็ได้ตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ส่วนนักโทษทั้ง 26 รายนั้น ยังไม่มีคำสั่งย้ายอย่างเป็นทางการ” ผบ.เรือนจำกลางนครศรีธรรมราชกล่าว