นครศรีธรรมราช - อึ้ง! เผยผลสรุปยอดยึดทรัพย์เครือข่ายผู้คุมเรือนจำนครศรีฯ หลังถูกจับกุมเฉียดร้อยล้าน รมว.ยุติธรรม-อธิบดีราชทัณฑ์เยี่ยมงานศพ จนท.เรือนจำ มอบเงินปลอบขวัญ 200,000 บาท เตรียมรื้อทั้งระบบดูแลเรือนจำนครศรีธรรมราช นักโทษขาใหญ่เจอย้ายที่ขังเร็วๆ นี้
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวันนี้ (23 ส.ค.) พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้สรุปผลการจับกุมผู้ต้องหาจากการออกหมายจับโดยเลขาธิการ ป.ป.ส.ชุดแรกจำนวน 8 ราย โดยล่าสุดนั้น สามารถจับกุมได้แล้วจำนวน 6 ราย ประกอบด้วย นายณัฐพล ระย้า อายุ 37 ปี อดีตเจ้าพนักงานราชทัณฑ์ นางพรรุจีย์ ระย้า ภรรยา น.ส.สิรินทิพย์ ยกเต้ง อายุ 28 ปี และ น.ส.รุ่งนภา อาจารีพิพัฒน์ อายุ 28 ปี ชาวอำเภอหัวไทร ซึ่งเป็นเครือข่ายเดียวกันกับนายณัฐพล โดยผู้ต้องหาอีกรายที่จะต้องเข้าไปแจ้งข้อหาเพิ่มเนื่องจากเป็นนักโทษอยู่แล้ว คือ นักโทษชายสรายุทธ เพชรดี โดยจะนำเข้าสู่ศาลเพื่อเพิ่มโทษตามกระบวนการได้
“ส่วนการยึดทรัพย์นั้น สามารถยึดทรัพย์เป็นประเภทอสังหาริมทรัพย์บ้านพร้อมที่ดิน และบ้านตากอากาศริมทะเลรวม 3 หลัง ที่สวน รถยนต์ เงินสดประมาณรวมมูลค่า 13 ล้านบาทเศษ และยึดบัญชีเงินในธนาคารต่างๆ รวมมูลค่าเงินหมุนเวียนจำนวนกว่า 68 ล้านบาท ส่งผลให้มียอดวงเงินเกือบ 100 ล้านบาทแล้ว โดยเครือข่ายชุดนี้เป็นชุดเดียวกัน และยังมีผู้ต้องหาอีก 2 รายที่กำลังตามจับกุมตัว” ผบก.ภ.นครศรีธรรมราชกล่าว
และเมื่อเวลา 16.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ และคณะ ได้เดินทางมาร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพนายออด แซ่ผั่ว เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ที่บ้านของนายออด โดยมีนางโสภา แซ่ผั่ว พร้อมด้วยบุตรชาย และบุตรสาวทั้ง 4 คนร่วมต้อนรับ โดย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้นำเงินจำนวน 100,000 บาทจากกรมคุ้มครองสิทธิ กระทรวงยุติธรรม และอีก 100,000 บาท จากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มอบให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า จะประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามคดี ในส่วนของเจ้าหน้าที่นอกร่องนอกรอยนั้นจะเข้มงวดมากขึ้น ส่วนเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชนั้นจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
ขณะที่ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่ 14 คนที่ย้ายออกไปนั้น จะต้องมีการสอบสวนตามหลังไปเช่นเดียวกับ 3 คนที่ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งจริงๆ แล้วก็เหมือนกับการไล่ออกอยู่แล้ว ไม่มีสิทธิอะไรเลย ทั้งนี้ ในส่วนของกรมนั้นต้องให้เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนไปตามขั้นตอน และมีอิสระเต็มที่ ผลอย่างไรก็ให้เป็นไปตามนั้น ส่วนทางตำรวจนั้นดำเนินการทางคดีไปได้เต็มที่เช่นเดียวกัน
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวันนี้ (23 ส.ค.) พล.ต.ต.รณพงศ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ได้สรุปผลการจับกุมผู้ต้องหาจากการออกหมายจับโดยเลขาธิการ ป.ป.ส.ชุดแรกจำนวน 8 ราย โดยล่าสุดนั้น สามารถจับกุมได้แล้วจำนวน 6 ราย ประกอบด้วย นายณัฐพล ระย้า อายุ 37 ปี อดีตเจ้าพนักงานราชทัณฑ์ นางพรรุจีย์ ระย้า ภรรยา น.ส.สิรินทิพย์ ยกเต้ง อายุ 28 ปี และ น.ส.รุ่งนภา อาจารีพิพัฒน์ อายุ 28 ปี ชาวอำเภอหัวไทร ซึ่งเป็นเครือข่ายเดียวกันกับนายณัฐพล โดยผู้ต้องหาอีกรายที่จะต้องเข้าไปแจ้งข้อหาเพิ่มเนื่องจากเป็นนักโทษอยู่แล้ว คือ นักโทษชายสรายุทธ เพชรดี โดยจะนำเข้าสู่ศาลเพื่อเพิ่มโทษตามกระบวนการได้
“ส่วนการยึดทรัพย์นั้น สามารถยึดทรัพย์เป็นประเภทอสังหาริมทรัพย์บ้านพร้อมที่ดิน และบ้านตากอากาศริมทะเลรวม 3 หลัง ที่สวน รถยนต์ เงินสดประมาณรวมมูลค่า 13 ล้านบาทเศษ และยึดบัญชีเงินในธนาคารต่างๆ รวมมูลค่าเงินหมุนเวียนจำนวนกว่า 68 ล้านบาท ส่งผลให้มียอดวงเงินเกือบ 100 ล้านบาทแล้ว โดยเครือข่ายชุดนี้เป็นชุดเดียวกัน และยังมีผู้ต้องหาอีก 2 รายที่กำลังตามจับกุมตัว” ผบก.ภ.นครศรีธรรมราชกล่าว
และเมื่อเวลา 16.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ และคณะ ได้เดินทางมาร่วมงานบำเพ็ญกุศลศพนายออด แซ่ผั่ว เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ที่บ้านของนายออด โดยมีนางโสภา แซ่ผั่ว พร้อมด้วยบุตรชาย และบุตรสาวทั้ง 4 คนร่วมต้อนรับ โดย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้นำเงินจำนวน 100,000 บาทจากกรมคุ้มครองสิทธิ กระทรวงยุติธรรม และอีก 100,000 บาท จากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล มอบให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า จะประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการติดตามคดี ในส่วนของเจ้าหน้าที่นอกร่องนอกรอยนั้นจะเข้มงวดมากขึ้น ส่วนเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชนั้นจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ
ขณะที่ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ในส่วนของเจ้าหน้าที่ 14 คนที่ย้ายออกไปนั้น จะต้องมีการสอบสวนตามหลังไปเช่นเดียวกับ 3 คนที่ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งจริงๆ แล้วก็เหมือนกับการไล่ออกอยู่แล้ว ไม่มีสิทธิอะไรเลย ทั้งนี้ ในส่วนของกรมนั้นต้องให้เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนไปตามขั้นตอน และมีอิสระเต็มที่ ผลอย่างไรก็ให้เป็นไปตามนั้น ส่วนทางตำรวจนั้นดำเนินการทางคดีไปได้เต็มที่เช่นเดียวกัน
