ศูนย์ข่าวศรีราชา-คนร้ายเหิมเกริม ใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มบ้านผู้คุม คาดว่าเกี่ยวพันกับการปฏิบัติหน้าที่ในเรือนจำพิเศษพัทยา
วันนี้ (19 ก.ค.55) พ.ต.อ.สมนึก จันทร์เกตุ ผกก.สภ.บางละมุง ได้รับแจ้งมีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มบ้านเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เลขที่ 71/58 หมู่ 7 ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย นายแฉล้ม ทับทิมทอง นายก อบต.หนองปลาไหล นำกำลังตำรวจชุดสืบสวนรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียวปลูกอยู่ในเนื้อที่กว่า 2 งาน พบนายวุฒิพันธุ์ กระจุยกระจาย อายุ 37 ปี เจ้าหน้าที่ควบคุมกลาง เรือนจำพิเศษพัทยา ยืนรอตำรวจอยู่ พร้อมกับพาไปตรวจสอบบริเวณพื้นถนนหน้าบ้านพบปลอกกระสุนเอ็ม 16 ตกกระจัดกระจายอยู่จำนวน 7 ปลอก ส่วนประตูรั้วหน้าบ้านซึ่งทำจากไม้ มีร่องรอยการถูกยิงจนกระสุนทะลุไปถูกรถยนต์ปิกอัพโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฌน-6949 กทม. ที่จอดอยู่ในบ้าน
ตรวจสอบพบว่ากระสุนเจาะเข้าที่กระบะท้าย กระจกหลัง และกระจกข้างคนขับ จนเป็นรูพรุน ส่วนภายในรถพบหัวกระสุนฝังอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากกาการสอบปากคำนายวุฒิพันธุ์ ผู้เสียหาย ให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น.วันเดียวกัน ขณะนอนพักผ่อนอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดที่หน้าบ้าน แต่ไม่กล้าออกไปดูเพราะเกรงจะได้รับอันตราย กระทั่งช่วงเช้าได้ออกมาตรวจสอบจึงพบว่าบ้านถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่ม จึงแจ้งให้ตำรวจทราบดังกล่าว ส่วนสาเหตุเบื้องต้นยังไม่ทราบ เพราะไม่เคยมีเรื่องกับใคร แต่คาดว่าน่าจะมาจากเรื่องการปฏิบัติหน้าที่
ด้านนายสมชาย วิมานศักดิ์ ผบ.เรือนจำพิเศษพัทยา เปิดเผยว่า สำหรับประวัตินายวุฒิพันธุ์ ปกติจะเป็นคนดี ไม่ดื่มสุรา ไม่เที่ยวกลางคืน และไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน ทำให้ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดในการถูกยิงถล่มบ้านในครั้งนี้ ส่วนเรื่องการทำงานก็จะปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เคยร่วมกับผู้คุมเรือนจำเข้มงวดกวดขันในเรื่องยาเสพติดและดำเนินการควบคุมนักโทษต้องสงสัยมาตรวจปัสสาวะแล้วหลายร้อยราย
ล่าสุด ได้ตรวจสิ่งของที่ญาตินำมาเยี่ยมผู้ต้องขังจนพบโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง และยาไอซ์จำนวน 35.2 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในของเยี่ยมดังกล่าว เรือนจำจึงดำเนินการสอบสวนทางวินัยกับนายธีระเดช แดงสุข เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ชำนาญการ ซึ่งเป็นคนที่ถือของเยี่ยมเข้าไปด้านในและไม่ได้มีการตรวจสอบ และเบื้องต้นได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่แท้จริงในการยิงถล่มบ้านผู้คุมในครั้งนี้คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จะต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป
วันนี้ (19 ก.ค.55) พ.ต.อ.สมนึก จันทร์เกตุ ผกก.สภ.บางละมุง ได้รับแจ้งมีคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มบ้านเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เลขที่ 71/58 หมู่ 7 ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย นายแฉล้ม ทับทิมทอง นายก อบต.หนองปลาไหล นำกำลังตำรวจชุดสืบสวนรุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านชั้นเดียวปลูกอยู่ในเนื้อที่กว่า 2 งาน พบนายวุฒิพันธุ์ กระจุยกระจาย อายุ 37 ปี เจ้าหน้าที่ควบคุมกลาง เรือนจำพิเศษพัทยา ยืนรอตำรวจอยู่ พร้อมกับพาไปตรวจสอบบริเวณพื้นถนนหน้าบ้านพบปลอกกระสุนเอ็ม 16 ตกกระจัดกระจายอยู่จำนวน 7 ปลอก ส่วนประตูรั้วหน้าบ้านซึ่งทำจากไม้ มีร่องรอยการถูกยิงจนกระสุนทะลุไปถูกรถยนต์ปิกอัพโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฌน-6949 กทม. ที่จอดอยู่ในบ้าน
ตรวจสอบพบว่ากระสุนเจาะเข้าที่กระบะท้าย กระจกหลัง และกระจกข้างคนขับ จนเป็นรูพรุน ส่วนภายในรถพบหัวกระสุนฝังอยู่ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากกาการสอบปากคำนายวุฒิพันธุ์ ผู้เสียหาย ให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น.วันเดียวกัน ขณะนอนพักผ่อนอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดที่หน้าบ้าน แต่ไม่กล้าออกไปดูเพราะเกรงจะได้รับอันตราย กระทั่งช่วงเช้าได้ออกมาตรวจสอบจึงพบว่าบ้านถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่ม จึงแจ้งให้ตำรวจทราบดังกล่าว ส่วนสาเหตุเบื้องต้นยังไม่ทราบ เพราะไม่เคยมีเรื่องกับใคร แต่คาดว่าน่าจะมาจากเรื่องการปฏิบัติหน้าที่
ด้านนายสมชาย วิมานศักดิ์ ผบ.เรือนจำพิเศษพัทยา เปิดเผยว่า สำหรับประวัตินายวุฒิพันธุ์ ปกติจะเป็นคนดี ไม่ดื่มสุรา ไม่เที่ยวกลางคืน และไม่เคยมีเรื่องกับใครมาก่อน ทำให้ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดในการถูกยิงถล่มบ้านในครั้งนี้ ส่วนเรื่องการทำงานก็จะปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เคยร่วมกับผู้คุมเรือนจำเข้มงวดกวดขันในเรื่องยาเสพติดและดำเนินการควบคุมนักโทษต้องสงสัยมาตรวจปัสสาวะแล้วหลายร้อยราย
ล่าสุด ได้ตรวจสิ่งของที่ญาตินำมาเยี่ยมผู้ต้องขังจนพบโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง และยาไอซ์จำนวน 35.2 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในของเยี่ยมดังกล่าว เรือนจำจึงดำเนินการสอบสวนทางวินัยกับนายธีระเดช แดงสุข เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ชำนาญการ ซึ่งเป็นคนที่ถือของเยี่ยมเข้าไปด้านในและไม่ได้มีการตรวจสอบ และเบื้องต้นได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่แท้จริงในการยิงถล่มบ้านผู้คุมในครั้งนี้คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จะต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนหาข้อเท็จจริงเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป